สตูล - ชาวสตูลแห่กินข้าวแกงร้าน “ป้าชีพ” เพื่อให้กำลังใจล้นหลาม หลังถูกจับข้อหาขายแกงสัตว์ป่าสงวน ส่งผลให้ร้านกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง ลูกค้าบางร้ายพร้อมระดมเงินให้ครบแสนหากต้องนำมาใช้ประกันตัว ผอ.ส่วนทรัพยากรธรรมชาติฯ จ.สตูล เผยเคยตักเตือน ป้าชีพ หลายครั้งแล้วให้เลิกจำหน่ายอาหารสัตว์ป่า แต่ป้าชีพไม่ปฏิบัติตามจึงได้เข้าทำการจับกุมในครั้งนี้
วันนี้ (10 ก.ค.) เป็นที่ฮือฮาในโลกสังคมออนไลน์ หลังตำรวจโรงพักควนกาหลง โพสต์ภาพเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุม ป้าชีพ วัย 73 ปี เจ้าของร้านข้าวแกงป้าชีพ เลขที่ 152 ถนนสายสามแยกนิคม-สวนเทศ ท้องที่หมู่ 1 ต. ควนกาหลง อ.ควนกาหลง ร้านตั้งอยู่ (บริเวณหน้า สภ.ควนกาหลง) หลังถูกเจ้าหน้าที่หน่วยที่ป้องกันรักษาป่าที่ สต.1 (ทุ่งนุ้ย) ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง และหน่วยเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองปลักพระยา และเขาพระยามังสาฯ พร้อมแกงสัตว์ป่า 2 ถุง (แกงกระรอก และแกงแลน) เมื่อวันที่ 7ก.ค.2557 ที่ผ่านมา ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ โดยมีการแชร์ต่อว่า และตำหนิผ่านสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก
หลังตกเป็นข่าวฮือฮาในสังคมโลกออนไลน์ ลูกค้าประจำของป้าชีพข้าวแกง ที่ขายมามากกว่า 50 ปี ต่างหมุนเวียนมาถามไถ่ ให้กำลังใจ ด้วยความเป็นห่วงกันไม่ขาดสาย ทำให้ร้านค้าป้าชีพข้าวแกงกลับมาคึกคักอย่างเห็นได้ชัด ลูกค้าบางรายบอกว่าพร้อมจะระดมเงินกัน หากต้องใช้เงินหลักแสนมาเพื่อประกันตัวป้าชีพ พร้อมมีเสียงของการตำหนิการกระทำที่เกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม
นางชีพ (ป้าชีพ) บัวทอง อายุ 73 ปี เจ้าของร้านป้าชีพข้าวแกง หลังถูกจับกุมในข้อหา “มีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง” นำมาเพื่อมาปรุงเป็นอาหารสัตว์ป่า ได้ปรับเปลี่ยนเมนูอาหารเป็นอาหารพื้นบ้านธรรมดา โดยป้าชีพ บอกว่า ไม่ให้ขายข้าวแกงสัตว์ป่าก็ไม่เป็นไร ก็ยังคงขายกับข้าว และแกงอย่างอื่นได้แต่จะให้เลิกอาชีพนี้ก็คงไม่ได้ เพราะต้องหาเงินเลี้ยงหลานที่เรียนหนังสืออยู่ที่ ม.อ.ตรัง ซึ่งป้าชีพเป็นตัวหลักในการส่งเสียหลานให้เรียนหนังสือ โดยคนโตส่งให้เรียนจบปริญญาโท ม.ธรรมศาสตร์ และหลานอีกคนเรียนจบเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร เลี้ยงทุกคนด้วยอาชีพขายข้าวแกง
ตลอดชีวิตที่ขายข้าวแกงมา 50 ปี ไม่เคยถูกจับกุม ป้ายอมรับว่าตกใจบ้างแต่ก็ไม่มาก คิดว่ามาจับเพื่อไปเสียค่าปรับก็คงจะปล่อยตัว แต่เจ้าหน้าที่ให้ใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัว 100,000 บาท แต่ป้าไม่มีแต่ให้หลานใช้ตำแหน่งในการประกันตัวป้าออกมาแทน ส่วนจะมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ ป้าชีพ ไม่ขอตอบ
ด้านตำรวจ สภ.ควนกาหลง อ้างว่าเป็นนโยบายของ คสช. ให้เร่งดำเนินการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งมีมาตรการป้องกัน และปราบปราม รวมทั้งการประชาสัมพันธ์เร่งรัดจับกุมการทำผิดเรื่องเกี่ยวกับทรัพยากร ป่าไม้ สัตว์ป่า และรณรงค์ให้ชาวบ้านเกิดความรักหวงแหนผืนป่า และทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่าโดยร่วมกับป่าไม้/ทหารร่วมกันเข้าตรวจสอบเพื่อสืบทราบ อีกทั้งการรณรงค์ให้รักษาทรัพยากรธรรมชาติ ให้ประชาชน ชุมชน ช่วยระงับยับยั้งเรื่องในสิ่งที่เขาเคยปฏิบัติกันมาในอดีตที่ไม่ถูกต้อง เช่น การหาของป่า ล่าสัตว์ป่า เป็นต้น ส่วนในพื้นที่ตรวจสอบแล้ว แต่ไม่พบว่ามีผู้กระทำความผิด
ขณะที่ด้าน นายสุรศักดิ์ กนกเนตรจมร์ ผอ.ส่วนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.สตูล แจ้งว่า พ.ร.บ.สัตว์ป่า 2535 ในมาตราที่ 15-19-20 ห้ามล่าสัตว์ป่า ค้าสัตว์ป่า ไว้ในครอบครองสัตว์ป่า และซากสัตว์ป่า รวมทั้งการห้ามค้า และผลิตสินค้าจากสัตว์ป่า หากที่ฝ่าฝืน 3 มาตรานี้ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับร้านป้าชีพนี้ได้มีการบอกกล่าวตักเตือนหลายครั้งแล้วให้เลิกจำหน่ายอาหารจากสัตว์ป่า แต่ก็ยังขายอาหารจากสัตว์ป่าอยู่ จนมีการร้องเรียนโดยขอปิดนาม ให้รีบดำเนินการร้านนี้เนื่องจากขายอาหารป่าโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่จำเป็นเข้าจับกุม ไม่ได้กลั่นแกล้งแต่อย่างใด เพราะมีคนร้องเรียนมา