ชุมพร - เจ้าอาวาส-แม่ชีเชอรี่ วัดถ้ำขวัญเมือง กลับวัดแล้ว เตรียมงานบุญใหญ่วันเข้าพรรษา แต่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปเก็บภาพ หรือบรรยากาศภายในวัด อ้างต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการวัดเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนถึงจะเข้าวัดได้
ความคืบหน้าล่าสุด แม่ชีเชอรี่ หรือแม่ชีสุปริญญา ฮุนนางกูร อายุ 42 ปี แห่งวัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร ที่ขับรถปอร์เช่ราคาหลายล้านบาท และใช้กระเป๋าแบรนด์เนมเครื่องประดับราคาแพง และเกี่ยวพันไปถึงเส้นทางการเงินภายในวัดถ้ำขวัญ เนื่องจากเป็นวัดสายธรรมยุตที่มีเงินบริจาคมากเป็นอันดับ 1 ของจังหวัด
ล่าสุด วันนี้ (9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณถนนคอนกรีตปากทางเข้าวัดถ้ำขวัญเมือง ได้มีการตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวกด้านจราจร พร้อมป้ายเขียนข้อความว่า “ห้ามผ่าน” และ “ห้ามจอด” โดยมีบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของวัดแต่งกายชุดขาว จำนวน 4 คน นั่งเฝ้าประจำจุดบริการดังกล่าวอยู่ตลอดเวลา และคอยบริการเปิดทางเข้าออกให้เฉพาะกลุ่มลูกศิษย์ของวัดที่จะเข้ามาร่วมทำบุญในช่วงเข้าวันพรรษาให้เท่านั้น หากเป็นคนภายนอก หรือชาวบ้านก็จะสอบถามถึงจุดประสงค์ที่เข้าไปในวัด
เมื่อผู้สื่อข่าวได้แสดงตนว่าเป็นผู้สื่อข่าว ปรากฏว่า ลูกศิษย์ของวัดถ้ำขวัญเมืองคนหนึ่งได้เชิญเชิญไปพูดคุย และสอบถามถึงวัตถุประสงค์ที่จะเข้าไปในวัด พร้อมกล่าวว่า เนื่องจากทางวัดกำลังจะมีการจัดงานบุญใหญ่จึงไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเก็บภาพ หรือทำข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าท่านเจ้าอาวาส และแม่ชีกลับมาถึงวัดหรือยัง ก็ได้คำตอบว่า กลับมาถึงแล้วแต่ไม่สามารถอนุญาตให้ใครเข้าพบ และหากต้องการจะพบเจ้าอาวาส และแม่ชี หรือต้องการมาทำข่าวต้องทำหนังสือ และระบุสังกัดว่ามาจากไหน และจะมาทำข่าวเรื่องอะไรให้คณะกรรมการวัดทราบก่อนเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้
และหากยื่นหนังสือแล้วต้องรอการอนุญาตจากคณะกรรมการวัดเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปทำข่าวได้ แต่หากเป็นการมาทำบุญ หรือปฏิบัติธรรมก็สามารถเข้ามาวัดได้ตามปกติ และต้องทำตามกฎระเบียบของวัดอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งขอเบอร์ติดต่อผู้สื่อข่าวไว้เพื่อจะประสานงานด้วย
ด้าน นายอนันต์ ศรีวิสัย รองประธานสภาพเทศบาลตำบลนาโพธิ์พัฒนา กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าที่ผ่านมา การทำบุญวันพระใหญ่ทางวัดมีการตั้งจุดอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่มาทำบุญทุกปี โดยใช้กำลังของ อปพร. และตำรวจชุมชนในพื้นที่ช่วยกัน แต่ช่วงระยะ 3 ปีหลังนี้ คณะกรรมการวัดได้ให้ลูกศิษย์ลูกหาวัดตั้งจุดอำนวยความสะดวกด้านจราจรแทนโดยไม่ทราบเหตุผล และไม่เคยสั่งห้ามใคร หรือบุคคลใดเข้าวัด การตั้งจุดบริการจะเป็นเพียงการอำนวยความสะดวกด้านจราจร และจัดที่จอดรถให้ผู้ที่มาร่วมทำบุญเท่านั้น
นายอนันต์ ยังกล่าวต่ออีกว่า เห็นด้วยที่ผู้นำชุมชน และชาวบ้านที่อยากให้ทางวัดออกมาชี้แจงเรื่องเงินบริจาคของวัด ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ทางวัดจะต้องเปิดเผยต่อสาธารณชน เพราะที่ผ่านมาได้ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ให้แก่วัดมามากแล้ว
ความคืบหน้าล่าสุด แม่ชีเชอรี่ หรือแม่ชีสุปริญญา ฮุนนางกูร อายุ 42 ปี แห่งวัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร ที่ขับรถปอร์เช่ราคาหลายล้านบาท และใช้กระเป๋าแบรนด์เนมเครื่องประดับราคาแพง และเกี่ยวพันไปถึงเส้นทางการเงินภายในวัดถ้ำขวัญ เนื่องจากเป็นวัดสายธรรมยุตที่มีเงินบริจาคมากเป็นอันดับ 1 ของจังหวัด
ล่าสุด วันนี้ (9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณถนนคอนกรีตปากทางเข้าวัดถ้ำขวัญเมือง ได้มีการตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวกด้านจราจร พร้อมป้ายเขียนข้อความว่า “ห้ามผ่าน” และ “ห้ามจอด” โดยมีบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของวัดแต่งกายชุดขาว จำนวน 4 คน นั่งเฝ้าประจำจุดบริการดังกล่าวอยู่ตลอดเวลา และคอยบริการเปิดทางเข้าออกให้เฉพาะกลุ่มลูกศิษย์ของวัดที่จะเข้ามาร่วมทำบุญในช่วงเข้าวันพรรษาให้เท่านั้น หากเป็นคนภายนอก หรือชาวบ้านก็จะสอบถามถึงจุดประสงค์ที่เข้าไปในวัด
เมื่อผู้สื่อข่าวได้แสดงตนว่าเป็นผู้สื่อข่าว ปรากฏว่า ลูกศิษย์ของวัดถ้ำขวัญเมืองคนหนึ่งได้เชิญเชิญไปพูดคุย และสอบถามถึงวัตถุประสงค์ที่จะเข้าไปในวัด พร้อมกล่าวว่า เนื่องจากทางวัดกำลังจะมีการจัดงานบุญใหญ่จึงไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเก็บภาพ หรือทำข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าท่านเจ้าอาวาส และแม่ชีกลับมาถึงวัดหรือยัง ก็ได้คำตอบว่า กลับมาถึงแล้วแต่ไม่สามารถอนุญาตให้ใครเข้าพบ และหากต้องการจะพบเจ้าอาวาส และแม่ชี หรือต้องการมาทำข่าวต้องทำหนังสือ และระบุสังกัดว่ามาจากไหน และจะมาทำข่าวเรื่องอะไรให้คณะกรรมการวัดทราบก่อนเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้
และหากยื่นหนังสือแล้วต้องรอการอนุญาตจากคณะกรรมการวัดเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปทำข่าวได้ แต่หากเป็นการมาทำบุญ หรือปฏิบัติธรรมก็สามารถเข้ามาวัดได้ตามปกติ และต้องทำตามกฎระเบียบของวัดอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งขอเบอร์ติดต่อผู้สื่อข่าวไว้เพื่อจะประสานงานด้วย
ด้าน นายอนันต์ ศรีวิสัย รองประธานสภาพเทศบาลตำบลนาโพธิ์พัฒนา กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าที่ผ่านมา การทำบุญวันพระใหญ่ทางวัดมีการตั้งจุดอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่มาทำบุญทุกปี โดยใช้กำลังของ อปพร. และตำรวจชุมชนในพื้นที่ช่วยกัน แต่ช่วงระยะ 3 ปีหลังนี้ คณะกรรมการวัดได้ให้ลูกศิษย์ลูกหาวัดตั้งจุดอำนวยความสะดวกด้านจราจรแทนโดยไม่ทราบเหตุผล และไม่เคยสั่งห้ามใคร หรือบุคคลใดเข้าวัด การตั้งจุดบริการจะเป็นเพียงการอำนวยความสะดวกด้านจราจร และจัดที่จอดรถให้ผู้ที่มาร่วมทำบุญเท่านั้น
นายอนันต์ ยังกล่าวต่ออีกว่า เห็นด้วยที่ผู้นำชุมชน และชาวบ้านที่อยากให้ทางวัดออกมาชี้แจงเรื่องเงินบริจาคของวัด ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ทางวัดจะต้องเปิดเผยต่อสาธารณชน เพราะที่ผ่านมาได้ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ให้แก่วัดมามากแล้ว