ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย รุกภูเก็ต เปิด 2 สาขา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินเชื่อโดยเฉพาะคุยใช้เวลาเพียงแค่ 3 วัน รู้ผลอนุมัติปล่อยสินเชื่อตั้งแต่ 1 หมื่น-10 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 57 เปิดให้ได้ 24 สาขาทั่วประเทศ
นายกมลภู ปาลิภาพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายขายผลิตภัณฑ์ ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดให้บริการธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย 2 สาขา ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย สาขาภูเก็ต และสาขาถลาง ถึงการตัดสินใจเข้ามาเปิดสาขาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ในการเปิดสาขาเพื่อให้บริการด้านสินเชื่อทั่วประเทศ ทางธนาคารมีเป้าหมายในการเปิดสาขาเพื่อรายย่อย ในปี 2557 จำนวน 24 สาขา ซึ่งในพื้นที่ภาคใต้เปิดไปแล้วหลายสาขา เช่นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เปิดให้บริการไปเมื่อเดือนเมษายน และที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แลในเดือนมิถุนายน ได้มีการลงทุนเปิดสาขาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตพร้อมกัน 2 สาขา คือ ที่สาขาถลาง และสาขาภูเก็ต ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนพูนผล
สาเหตุที่เลือกเปิดสาขาในภูเก็ตพร้อมกัน 2 สาขา ก็เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และใหญ่มากสำหรับสินเชื่อและการลงทุน เพื่อให้สามารถดูแลลูกค้าได้อย่างทั่วถึง และมีกลุ่มลูกค้าอีกจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ และด้วยศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต ทางธนาคารฯ ได้วางเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อสูงกว่าที่อื่นๆ อยู่ที่เดือนละ 20-25 ล้านบาท รวม 2 สาขา อยู่ที่ประมาณ 40-50 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มลูกค้านั้นไม่ได้มองกลุ่มไหนเป็นพิเศษ เนื่องจากเชื่อมั่นว่า ธุรกิจของภูเก็ตเท่าที่มีการสำรวจตลาดจะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง แม้ว่าระยะนี้จะเป็นช่วงโลว์ซีซันแต่ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้นทางธนาคารฯ เองก็มีความยืดหยุ่นเกี่ยวกับเงื่อนไข เนื่องจากลูกค้าหลายๆ รายขอสินเชื่อจากธนาคารอื่นแล้วไม่ได้รับอนุมัติ อันเนื่องจากปัญหาในเรื่องของเอกสารเกี่ยวกับรายได้ หรือทุนหมุนเวียนไม่ต่อเนื่อง แต่สำหรับไทยเครดิตสามารถใช้เอกสารการซื้อการขาย หรือเอกสารอื่นๆ ประกอบการคำนวณรายได้ของลูกค้า
นายกมลภู ยังได้กล่าวต่อไปว่า สินเชื่อของธนาคารฯ เป็นสินเชื่อที่มีวัตถุประสงค์ในการปล่อยกู้ชัดเจน ลูกค้าที่จะขอกู้เงินจากธนาคารจะต้องระบุถึงเหตุผลที่ขอกู้ให้ชัด เช่น กู้เพื่อขยายธุรกิจ เพื่อสร้างสต๊อกเพิ่มเติม ซื้ออาคารใหม่เพื่อขยายพื้นที่ขาย หรืออื่นๆ เป็นต้น และในการให้บริการทางด้านสินเชื่อของธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย มีความแตกต่างกับธนาคาร คือ ในบางอาชีพที่เป็นอาชีพพิเศษ ซึ่งเป็นกลุ่มอาชีพที่มีศักยภาพ เช่น แพทย์ หรือเภสัชกร สามารถยื่นขอสินเชื่อได้โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ธนาคารมีโปรแกรมพิเศษที่มารองรับกลุ่มนี้โดยเฉพาะ และปล่อยสินเชื่อสูงสุดถึง 5 ล้านบาท โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ นอกจากนี้ หากขอสินเชื่อตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 1.5 ล้านบาท ไม่ต้องมีคนค้ำ กรณี 1.5 ล้านบาท-5 ล้านบาท มีผู้ค้ำ 1 คน กรณี 3-5 ล้านบาท มีคนค้ำ 2 คน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ และที่พิเศษในช่วงนี้สำหรับแพทย์หรือเภสัชกรที่เพิ่งสำเร็จการศึกษา ต้องการเปิดคลินิก หรือทำธุรกิจเกี่ยวกับทางการแพทย์สามารถใช้รายได้ของคุณพ่อคุณแม่เพื่อนำมาประกอบการยื่นขอสินเชื่อ ซึ่งสามารถปล่อยสินเชื่อได้ 2-3 ล้านบาท โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์เช่นกัน
นายกมลภู ยังได้กล่าวถึงความแตกต่างของการเปิดให้บริการระหว่างสาขาปกติ และสาขาเพื่อรายย่อย ว่า “การเปิดให้บริการมีความแตกต่าง คือ ธนาคารสาขาทั่วไปจะมีบริการรับฝาก-ถอนเงิน ซึ่งของไทยเครดิตมีจำนวน 21 สาขา ส่วนใหญ่จะอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก สำหรับสาขาเพื่อรายย่อย จะเป็นอีกรูปแบบในการให้บริการ เน้นการให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจเพียงอย่างเดียว เนื่องจากทางธนาคารฯ ต้องการขยายตลาดให้ลงถึงระดับชุมชน แต่หากมีในลักษณะเต็มรูปแบบเหมือนกับธนาคารทั่วไป จะต้องใช้เวลาในการก่อสร้างอาคาร ต้องเพิ่มบุคลากร และงบประมาณเป็นจำนวนมาก ต้องลงทุนสาขาละ 8-10 ล้านบาท แต่หากเปิดให้บริการสินเชื่อเพียงอย่างเดียวก็จะใช้งบลงทุนประมาณ 1 ล้านบาทเศษ และสามารถเปิดให้บริการได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยเน้นในส่วนของการหาลูกค้า และให้บริการ ส่วนการอนุมัติสินเชื่อจะส่งเข้าส่วนกลาง แต่ใช้เวลาเพียง 3 วัน เพื่อแจ้งผลการอนุมัติให้แก่ลูกค้าทราบ ซึ่งวงเงินที่ให้กู้จะอยู่ที่ 100,000-10 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเป็นนักธุรกิจรายย่อย เช่น พ่อค้าแม่ค้าที่มีสถานที่ประกอบการชัดเจน หรือธุรกิจห้องแถว หรือใหญ่กว่านั้นที่ต้องการวงเงินไม่ถึง 10 ล้านบาท”
“มูลค่าของตลาดสินเชื่อรายย่อย จากข้อมูลทางสถิติสูงถึง 300,000 ล้านบาท หากสามารถทำได้ 5-10% ของมูลค่าดังกล่าวนับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่แล้ว และหากกล่าวถึงธนาคารทั่วๆ ไป ซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ หรือเอสเอ็มอีมีอยู่ แต่จะเน้นเอสเอ็มอีที่มีไซส์ใหญ่ตั้งแต่ 5 ล้านบาท ถึง 100 ล้านบาท ของไทยเครดิตมองเห็นช่องว่างระหว่าง 100,000-10 ล้านบาท ยังเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และลูกค้าในกลุ่มนี้จะมีปัญหาเรื่องของเอกสารทางการเงิน เมื่อไปยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารทั่วไปมักจะไม่ได้รับการอนุมัติ จึงมองเห็นโอกาสของตลาดดังกล่าว จึงคิดผลิตภัณฑ์ออกมารองรับ ทำให้มีความยืดหยุ่นได้มาก”
นายกมลภู กล่าวด้วยว่า ในปี 2557 นี้ ภาพรวมทุกสาขาทั่วประเทศตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อของไทยเครดิตไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ผ่านมาแล้วครึ่งปียังไม่เป็นไปตามเป้าหมายมากนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ก็ไม่ได้แย่มาก ซึ่งจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนมีสาขาที่เป็นสินเชื่อเพื่อรายย่อย จำนวน 17 สาขา ซึ่งเป้าหมายทั้งปีอยู่ที่ 24 สาขา ส่วนปีหน้าต้องมาดูภาพรวมของเศรษฐกิจอีกครั้ง ในส่วนของภูเก็ต ได้มีการเข้ามาทำตลาดก่อนที่จะเปิดสาขาประมาณ 1 เดือน ซึ่งมีลูกค้าบ้างแล้วโดยอยู่ในขั้นตอนของการจัดทำเอกสาร และนับเป็นความโชคดีของภูเก็ตที่หลักทรัพย์มีราคาสูง ทำให้สามารถยื่นกู้ในขนาดวงเงินใหญ่ และมีการอนุมัติแล้วไปแล้วจำนวนวงเงิน 8 ล้านบาท