พัทลุง - สมเด็จพระเทพฯ มอบพันธุ์ข้าว “หอมชลสิทธิ์” แก่เกษตรกรในพื้นที่ จ.พัทลุง ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วม โดยเป็นพันธุ์ข้าวที่มีเม็ดเรียวยาว มีกลิ่นหอม มีอัตราการงอก 90 เปอร์เซ็นต์ ทนต่อน้ำท่วมได้นาน 2 สัปดาห์ และสามารถทนต่อโรคทางข้าวได้เป็นอย่างดี
วันนี้ (26 มิ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. นายเทิดศักดิ์ บุณยขจร ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาแหล่งน้ำมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานในพิธีมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทาน จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แก่เกษตรกรในเขตพื้นที่จังหวัดพัทลุง จำนวน 3,000 กิโลกรัม ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง สืบเนื่องจากการที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานความช่วยเหลือแก่เกษตรกรในอำเภอชัยบุรี จังหวัดพัทลุง ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม โดยได้พระราชทานพันธุ์ข้าวหอมชลสิทธิ์ แก่เกษตรกรเพื่อนำไปใช้ในการเพาะปลูก
จากนั้นเจ้าหน้าที่สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ได้รับทราบข้อมูลจากเกษตรกรว่า เมล็ดข้าวพันธุ์ดังกล่าวมีการงอก 90 เปอร์เซ็นต์ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ถึง 900-1,000 กิโลกรัมต่อไร่ เมล็ดข้าวเรียวยาว มีกลิ่นหอม มีเปอร์เซ็นต์เมล็ดข้าวลีบน้อยมาก ทำให้ราษฎรมีความต้องการข้าวหอมชลสิทธิ์เป็นจำนวนมาก และโรงสีก็มีความต้องการซื้อข้าวหอมชลสิทธิ์ ไปจำหน่ายด้วย
เหตุการณ์ดังกล่าวได้ขยายวงกว้างออกไปยังกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ ในเขตจังหวัดพัทลุง พร้อมกับมีความประสงค์ขอรับพระราชทานพันธุ์ข้าวหอมชลสิทธิ์มายังสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงได้พระราชทานเมล็ดข้าวพันธุ์ข้าวหอมชลสิทธิ์ ซึ่งได้รับการน้อมเกล้าถวายจากสำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และกลุ่มสหกรณ์การเกษตรผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 3 ตัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตเม็ดข้าวหอมชลสิทธิ์ นำไปแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรในจังหวัดพัทลุงต่อไป
ข้าวหอมชลสิทธิ์ เป็นผลงานวิจัยจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สวทช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้ทนต่อน้ำสภาพน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งเป็นลูกผสมของข้าวทนน้ำท่วมกับข้าวดอกมะลิ 105 มีคุณสมบัติการหุงต้มแบบข้าวหอมมะลิ เมล็ดข้าวมีกลิ่นหอม สามารถปลูกได้ทั้งปี และทนอยู่ใต้น้ำได้นานถึง 2 สัปดาห์ จึงเหมาะต่อพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ง่าย อีกทั้งทนต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และโรคข้าวบางชนิดด้วย