ชุมพร - หญิงพิการทางด้านสมองที่ชุมพร สู้ชีวิตเก็บขยะขายส่งเสียลูก 2 คนเรียนหนังสือ หลังเลิกรากับสามีที่พิการตาบอด
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (31 พ.ค.) นายโชคชัย ว่องกุล นายก อบต.นาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร นายศักดิ์สิทธิ์ สุนทรกุล ประธานชมรมธนาคารหลังสวน พร้อมคณะ ได้เดินทางไปที่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 7 ต.นาขา อ.หลงสวน จ.ชุมพร หลังจากที่ทาง อบต.นาขา ได้สำรวจประชากรหมู่บ้านแล้วพบว่า ที่บ้านหลังดังกล่าวมี นางแสงดาว มิตรกูล อายุ 38 ปี หญิงพิการทางสมอง หรือสมองมีการพัฒนาการช้ากว่าคนปกติทั่วไป และร่างกายซีกขวาอ่อนแรง อีกทั้งยังมีฐานะยากจน แต่ยังมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวด้วยการมีความมานะอุตสาหะออกเก็บขยะขาย เพื่อเลี้ยงดูส่งเสียลูกๆ ที่กำลังเติบโตเข้าสู่วัยเรียนหนังสือ
ทั้งนี้ บ้านของ นางแสงดาว มีสภาพเป็นบ้านปูนชั้นเดียวก่อด้วยอิฐบล็อกแต่ไม่ได้ฉาบผนัง มีความกว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร ลักษณะภายในบ้านเป็นห้องสี่เหลี่ยม มีแค่เตียงนอนเก่าๆ ตู้เย็น และข้าวของเสื้อผ้าที่จำเป็นในการยังชีพไปวันๆ เท่านั้น ซึ่งบ้านหลังดังกล่าว ได้มีบรรดาชาวบ้านที่พบเห็นได้ช่วยกันสมทบทุนซื้ออิฐ หิน ดิน ปูน และอุปกรณ์ที่จำเป็นมาช่วยกันสร้างให้ในที่ดินของเพื่อนบ้าน ได้เป็นที่อยู่อาศัยในการดำรงชีพ ส่วนไฟฟ้าชาวบ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียงต่อพ่วงสายเข้ามาให้ได้ใช้ด้วยความสงสาร
โดยนางแสงดาว มิตรกูล วัย 38 ปี เป็นหญิงพิการทางสมองที่มีพัฒนาการช้ากว่าคนปกติทั่วไป และร่างกายซีกขวาอ่อนแรง แต่มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ทั้งยังสามารถพูดจาถามตอบรู้เรื่อง แม้จะมีเสียงตะกุกตะกักเชื่องช้าไปบ้าง ซึ่งภายในบ้านหลังดังกล่าวอาศัยอยู่ด้วยกันกับลูกๆ อีก 3 คน คือ นายเสกสรร เมืองรมย์ อายุ 16 ปี ไม่ได้เรียนหนังสือต้องออกไปรับจ้างทั่วไปในตลาดหลังสวนเพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว ด.ช.พูลลาภ เมืองรมย์ อายุ 13 ปี เพิ่งสอบเข้าเรียนต่อในชั้น ม.1 โรงเรียนสวนศรีวิทยา โรงเรียนประจำ อ.หลังสวน และ ด.ญ.ฐิตินันท์ เมืองรมย์ อายุ 8 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.2 โรงเรียนวัดสุการาม
นางแสงดาว เปิดเผยถึงชีวิตอาภัพอันรันทดของตนเองว่า ตนเองนั้นสมองมีการพัฒนาช้ากว่าคนอื่นๆ และร่างกายซีกขวายังมีอาการเกร็ง และอ่อนแรงมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว หากวันไหนเครียดจัดๆหรือตกใจมากๆ ก็จะเกร็งไปทั้งตัวขยับตัวไม่ได้ ส่วนสามีตนชื่อ นายอุดมศักดิ์ เมืองรมย์ อายุ 49 ปี พิการตาบอดทั้งสองข้างมาตั้งแต่เด็กๆ เช่นกัน ตอนนี้ตน และสามีแยกทางกันอยู่นานหลายปีแล้ว แต่นายอุดมศักดิ์ สามีก็ยังแวะเวียนมาเยี่ยมลูกๆ และนำเงินมาให้บ้างเป็นบางครั้ง
นางแสงดาว กล่าวต่อว่า ตลอด 6 ปีมานี้ตนต้องดิ้นรนเลี้ยงลูกทั้ง 3 คนเพียงลำพัง โดยในแต่ละวันตนจะนำรถเข็นออกไปเก็บขยะ ของเก่าตามข้างทาง ข้างถนนตามหมู่บ้าน ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ลูกๆ ที่เรียนหนังสือก็จะไปช่วยตนเก็บขยะขายด้วย สัปดาห์หนึ่งจะมีรายได้จากการขายของเก่าราว 300 บาท ซึ่งก็พอประทังชีวิตไปวันๆ บางครั้งก็ไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียน ในช่วงที่โรงเรียนเปิดเทอมที่ผ่านมา ตนไม่มีเงินซื้อชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนให้แก่ลูกๆ ซึ่งกำลังเรียนอยู่อีก 2 คน ก็ต้องขอยืมเงินจากเพื่อนบ้านมาซื้อให้ลูกก่อน และมีชาวบ้านบางคนสงสารได้ประสานงานไปยังส่วนราชการต่างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ
“ในชีวิตนี้ตนไม่หวังอะไรมาก ขอแค่ลูกเรียนจบ และเป็นคนดีไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็พอใจแล้ว และขอขอบคุณทุกคนที่มีน้ำใจมาช่วยเหลือครอบครัวตน” นางแสงดาว กล่าวทั้งน้ำตาอีก
ด้าน นายโชคชัย ว่องกุล นายก อบต.นาขา นายศักดิ์สิทธิ์ สุนทรกุล ประธานชมรมธนาคารหลังสวน พร้อมคณะ โดยเบื้องต้น ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และ ธนาคาร ธ.ก.ส. สาขาอำเภอหลังสวน ได้มอบเงินทุนการศึกษาจำนวนหนึ่งให้ ด.ช.พูลลาภ และ ด.ญ. ฐิตินันท์ ซึ่งทั้งสองคนเป็นเด็กนิสัยดีเรียบร้อย ขยัน และมีผลการเรียนที่ดี เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นไปก่อน ส่วนในระยะยาวจะได้ประสานหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการช่วยเหลือต่อไป