ตรัง - บรรยากาศร้านค้าขายชุดนักเรียนในปีนี้ซบเซามาก เหตุจากราคายางพาราร่วงเหลือ กก.ละ 50 บาท ขณะที่เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ยอมใช้ชุดเดิมไปก่อน เพื่อช่วยประหยัดพ่อแม่ผู้ปกครอง
วันนี้ (7 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจตลาดร้านขายชุดนักเรียน และขายอุปกรณ์การเรียน ในบริเวณตลาดสดเทศบาลนครตรัง โดยพบพ่อแม่ผู้ปกครองต่างกันพาลูกหลานออกมาเสื้อผ้าชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนกัน ก่อนจะถึงช่วงเปิดเทอมใหม่ 2557 อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องด้วยสภาวะทางการเงินที่ขาดสภาพคล่อง และราคายางพาราตกต่ำลงอย่างมาก เหลือแค่กิโลกรัมละ 50 บาทเท่านั้น จึงทำให้ประชาชนชาวตรัง ซึ่งส่วนมากจะมีอาชีพทำสวนยางพารา ประสบปัญหาเรื่องรายได้
โดยเจ้าของร้านแก้วฟ้า ชอปปิ้งมอร์ นางเซี่ยมทรัพย์ ศิริสวัสดิ์ อายุ 88 ปี บอกว่า ยอดขายในปีนี้ตกลงอย่างมาก และสินค้าแต่ละอย่างก็ขึ้นราคา อย่างไรก็ตาม ทางร้านยังคงจำหน่ายในราคาเดิม เพราะเข้าใจลูกค้า ซึ่งส่วนมากจะมาซื้อแต่ของจำเป็น เนื่องจากเศรษฐกิจตกต่ำ และอะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด เช่น ชุดนักเรียนระดับอนุบาล มีราคาชุด 250-380 บาท ระดับประถมศึกษา มีราคาชุดละ 450-550 บาท และระดับมัธยมศึกษา มีราคาชุดละ 550 บาทขึ้นไป
ส่วน นางจิตตรา เซี่ยงโค้น อายุ 55 ปี หนึ่งในพ่อแม่ผู้ปกครองชาวตรังเล่าว่า ปีนี้ชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนมีราคาสูงจากปีที่แล้วมาก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กระโปรง รวมไปถึงถุงเท้า รองเท้า แต่ตนเองจำเป็นที่จะต้องซื้อ และต้องเปลี่ยนทุกๆ ปี เพราะตัวเด็กโตขึ้น ทำให้ตนมีภาระค่าใช้จ่ายในช่วงก่อนเปิดเทอมจำนวนเพิ่มกว่าปีที่แล้ว พร้อมกับใช้วิธีการซื้อเสื้อ กระโปรง หรือถุงเท้า ให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม เพื่อเป็นการประหยัดอีกทางหนึ่ง และลูกหลานจะได้ใช้หลายปี แทนที่จะต้องมาซื้อกันทุกๆ ปี
ในขณะที่เด็กและเยาวชนชาวตรัง ส่วนใหญ่มีความคิดเห็นในทำนองเดียวกันว่า ไม่ต้องการที่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ และที่มีอยู่ก็ยังพอใช้ได้ โดย ด.ญ.เบญจรรณ ปากจันทร์ ได้แนะนำว่า อยากให้เพื่อนๆ ช่วยกันตรวจดูเสื้อผ้าของตนเองว่ามีกี่ชุด และไม่ควรที่จะซื้อมาตั้งไว้หลายๆ ชุด โดยที่ไม่ได้ใช้ เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองเงิน เนื่องจากช่วงนี้สินค้าต่างๆ มีราคาที่แพงขึ้นมาก และการไม่ซื้อชุดนักเรียนใหม่ก็จะสามารถช่วยพ่อแม่ประหยัดเงินได้