บุรีรัมย์ - พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งชาวนา และประชาชนรายได้น้อย จ.บุรีรัมย์แห่นำชุดนักเรียนเก่าไปซ่อม ปะ เย็บ ย่อ ขยาย เพื่อให้ลูกหลานสวมใส่ช่วงเปิดเทอมใหม่ ประหยัดค่าใช้จ่ายแทนซื้อชุดใหม่ในยุคค่าครองชีพสูง และรัฐบาลเบี้ยวเงินค่าจำนำข้าว ส่งผลร้านตัดเย็บริมฟุตปาธรายได้พุ่งวันละ 2-3 พันบาท ต้องปิดร้านถึง 4 ทุ่ม
วันนี้ (6 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศช่วงใกล้เปิดภาคเรียนใหม่ได้มีพ่อแม่ผู้ปกครองรวมถึงชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินในโครงการรับจำนำข้าวจากรัฐบาล และประชาชนผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ต่างนำชุดนักเรียนเก่าของบุตรหลาน และที่ได้รับบริจาคมาจากญาติพี่น้องหรือรุ่นพี่ ไปซ่อม ปะ เย็บ ย่อและขยาย ตามร้านตัดเย็บเสื้อผ้าบนทางเท้าในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ที่มีมากกว่า 20 ร้านกันอย่างคึกคัก
เพื่อเตรียมไว้ให้บุตรหลานสวมใส่ในช่วงเปิดภาคเรียนที่ใกล้จะถึงนี้ เป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากบางครอบครัวมีรายได้น้อยไม่เพียงพอที่จะไปจับจ่ายซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้บุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียน เพราะชุดนักเรียนใหม่จะมีราคาแพงชุดละตั้งแต่ 200-1,000 บาท
แต่หากนำชุดนักเรียนเก่ามาซ่อมจะเสียค่าตัดเย็บเพียงตัวละ 30-60 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะในภาวะปัจจุบันนี้ทั้งข้าวของเครื่องใช้และสินค้าอุปโภคบริโภคต่างก็มีการปรับราคาสูงขึ้นเกือบทุกอย่าง ส่งผลให้ภาระค่าครองชีพสูงขึ้นตามไปด้วย
ด้านนางพรศิริ ศิริพงษ์ อายุ 40 ปี อาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าบนทางเท้าในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า ช่วงนี้มีพ่อแม่ผู้ปกครองนำชุดนักเรียนเก่ามาให้ซ่อม ทั้งปะ เย็บ ย่อและขยายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมนำไปให้บุตรหลานสวมใส่ช่วงเปิดภาคเรียน โดยจะคิดค่าซ่อมเพียงตัวละ 30-60 บาทเท่านั้น ส่งผลให้ช่วงนี้มีรายได้ดีเฉลี่ยวันละ 2,000-3,000 บาท จากปกติจะมีรายได้เพียงวันละประมาณ 1,000 บาทเท่านั้น และคาดว่าจะมีผู้ปกครองนำชุดนักเรียนมาให้ซ่อมไปจนถึงเปิดเทอม
เช่นเดียวกับนางเพียร การัมย์ อายุ 36 ปี อาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าบนทางเท้าอีกราย บอกว่า ช่วงนี้มีพ่อแม่ผู้ปกครองซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวนา และผู้ที่มีรายได้น้อย นำชุดนักเรียนเก่ามาซ่อมอย่างต่อเนื่อง จนบางวันเย็บไม่ทัน และต้องขยายเวลาปิดร้านไปถึง 4 ทุ่ม จากปกติจะปิดประมาณ 2 ทุ่ม
เนื่องจากผู้ปกครองส่วนใหญ่ต้องการนำชุดนักเรียนไปให้บุตรหลานสวมใส่ทันต่อการเปิดเทอม
