ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ประธานสภาอุตสาหกรรมสงขลา เผยระเบิด 2 จุดใจกลางเมืองหาดใหญ่ กระทบท่องเที่ยวระยะสั้น คาดระยะเวลาผ่านไป 2 เดือน จะกลับสู่สภาวะปกติ เตรียมผุดแผนการตลาดบินจัดโรดโชว์ประเทศอินโดฯ หวังสร้างกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ วอนฝ่ายความมั่นคงควบคุมสถานการณ์อย่าให้เกิดซ้ำอีก
วันนี้ (19 พ.ค.) นายกฤษณ์ ประธานราษฎร์นิกร ประธานสภาอุตสาหกรรมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.สงขลา และนายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา กล่าวว่า จากเหตุการณ์ระเบิดหาดใหญ่ 2 จุด ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจธุรกิจการท่องเที่ยวหาดใหญ่มากนัก เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างพีก และอีกไม่นานก็จะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน ธุรกิจถอยลงตามภาวะปกติธรรมชาติอยู่แล้ว แต่หากเกิดเหตุการณ์ก่อนเทศกาลสงกรานต์จะมีผลกระทบมาก
“หลังเหตุระเบิดไม่เกิน 2 เดือน ภาพรวมหาดใหญ่หาดใหญ่ก็จะฟื้นฟูเข้าสู่ภาวะปกติ เทียบกับคราวที่แล้วเมื่อปี 2556 เหตุเกิดระเบิดเกิดที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ และค่อนข้างจะรุนแรงกว่ามาก แต่ก็ก็ใช้ระยะเวลาประมาณเพียง 2 เดือน ก็สามารถฟื้นฟูสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ อีกอย่างผู้ประกอบการนักธุรกิจให้ความร่วมมือสนับสนุนอย่างเต็มที่”
นายกฤษณ์ กล่าวว่า แผนการตลาดนั้นได้เตรียมการรองรับไว้แล้ว มีแผนการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ปลายเดือน พ.ค. มีการขยายการตลาดท่องเที่ยวไปยังประเทศอินโดนีเซียด้วยการจัดโรดโชว์ ขณะนี้ชาวอินโดนีเซีย เข้ามาท่องเที่ยวปีละประมาณ 50,000 คน และเป็นตัวเลขที่มีมายาวนานมากกว่า 30 ปี และในขณะที่เรามีตลาดเดิมอยู่ คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ มาประมาณ 30 ปี
“ผมขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ช่วยเพิ่มกำลังพลให้สถานีตำรวจหาดใหญ่ที่มีอยู่ประมาณ 200 นาย เพราะอัตรากำลังพลขณะนี้ตำรวจทำงานที่ค่อนข้างหนัก และไม่เพียงพอต่อการเพิ่มของประชากรในหาดใหญ่ เรียกร้องให้เพิ่มกำลังพลเพื่อความเหมาะสมอีกประมาณ 200 นาย” นายกฤษณ์กล่าว
นายสมพร สิริโปราณานนท์ ประธานหอการค้า จ.สงขลา กล่าวว่า เหตุระเบิดหาดใหญ่ ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เพราะการก่อเหตุเป็นพื้นที่ไม่ใช่ศูนย์ธุรกิจสำคัญ และไม่ใช่พื้นที่ที่นักท่องเที่ยวไม่เข้าไป แต่ปัญหาที่หนักใจมากคือ การควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ เมื่อสถานการณ์หยุดไม่ได้ เราจะต้องควบคุมพื้นที่มิให้ลุกลามไปยังที่อื่นๆ ให้ได้ เพราะสิ่งเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้คือ การลงทุน โดยเฉพาะใน จ.สงขลา จะมีนักลงทุนจากประเทศจีนที่เข้ามาลงทุนในกรุงเทพฯ ได้ให้ความสนใจมาก เมื่อสถานการณ์การก่อเหตุ ไม่สามารถจะยุติได้ ก็ต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้ ไม่ให้ขยายผลไปยังพื้นที่อื่น
วันนี้ (19 พ.ค.) นายกฤษณ์ ประธานราษฎร์นิกร ประธานสภาอุตสาหกรรมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.สงขลา และนายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา กล่าวว่า จากเหตุการณ์ระเบิดหาดใหญ่ 2 จุด ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจธุรกิจการท่องเที่ยวหาดใหญ่มากนัก เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างพีก และอีกไม่นานก็จะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน ธุรกิจถอยลงตามภาวะปกติธรรมชาติอยู่แล้ว แต่หากเกิดเหตุการณ์ก่อนเทศกาลสงกรานต์จะมีผลกระทบมาก
“หลังเหตุระเบิดไม่เกิน 2 เดือน ภาพรวมหาดใหญ่หาดใหญ่ก็จะฟื้นฟูเข้าสู่ภาวะปกติ เทียบกับคราวที่แล้วเมื่อปี 2556 เหตุเกิดระเบิดเกิดที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ และค่อนข้างจะรุนแรงกว่ามาก แต่ก็ก็ใช้ระยะเวลาประมาณเพียง 2 เดือน ก็สามารถฟื้นฟูสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ อีกอย่างผู้ประกอบการนักธุรกิจให้ความร่วมมือสนับสนุนอย่างเต็มที่”
นายกฤษณ์ กล่าวว่า แผนการตลาดนั้นได้เตรียมการรองรับไว้แล้ว มีแผนการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ปลายเดือน พ.ค. มีการขยายการตลาดท่องเที่ยวไปยังประเทศอินโดนีเซียด้วยการจัดโรดโชว์ ขณะนี้ชาวอินโดนีเซีย เข้ามาท่องเที่ยวปีละประมาณ 50,000 คน และเป็นตัวเลขที่มีมายาวนานมากกว่า 30 ปี และในขณะที่เรามีตลาดเดิมอยู่ คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ มาประมาณ 30 ปี
“ผมขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ช่วยเพิ่มกำลังพลให้สถานีตำรวจหาดใหญ่ที่มีอยู่ประมาณ 200 นาย เพราะอัตรากำลังพลขณะนี้ตำรวจทำงานที่ค่อนข้างหนัก และไม่เพียงพอต่อการเพิ่มของประชากรในหาดใหญ่ เรียกร้องให้เพิ่มกำลังพลเพื่อความเหมาะสมอีกประมาณ 200 นาย” นายกฤษณ์กล่าว
นายสมพร สิริโปราณานนท์ ประธานหอการค้า จ.สงขลา กล่าวว่า เหตุระเบิดหาดใหญ่ ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เพราะการก่อเหตุเป็นพื้นที่ไม่ใช่ศูนย์ธุรกิจสำคัญ และไม่ใช่พื้นที่ที่นักท่องเที่ยวไม่เข้าไป แต่ปัญหาที่หนักใจมากคือ การควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ เมื่อสถานการณ์หยุดไม่ได้ เราจะต้องควบคุมพื้นที่มิให้ลุกลามไปยังที่อื่นๆ ให้ได้ เพราะสิ่งเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้คือ การลงทุน โดยเฉพาะใน จ.สงขลา จะมีนักลงทุนจากประเทศจีนที่เข้ามาลงทุนในกรุงเทพฯ ได้ให้ความสนใจมาก เมื่อสถานการณ์การก่อเหตุ ไม่สามารถจะยุติได้ ก็ต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้ ไม่ให้ขยายผลไปยังพื้นที่อื่น