เสียงปืนกลางทะเลส่งสัญญาณรุนแรง ชาวบ้านเดินหน้าต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่

ชาวกระบี่รุกฮือต่อต้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินของ กฟผ.ที่ตำบลคลองขนาน ขนาด 800 เมกะวัตต์มาอย่างต่อเนื่อง จน กฟผ.ไม่สามารถทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นได้ หวั่นทำลายสภาพสิ่งแวดล้อม และกระทบต่อวิถีชีวิตของประมงพื้นบ้านในบริเวณนั้น โดยมีจุดยืนไม่ให้โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดขึ้นในพื้นที่อย่างแน่นอน

หลังจากที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีแผนสร้างโรงไฟฟ้าโดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่จังหวัดกระบี่ ใกล้กับโรงไฟฟ้ากระบี่เดิม ในพื้นที่ตำบลคลองขนาน อ.เหนือคลอง มีกำลังการผลิต 800 เมกะวัตต์ โดยการนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศ ด้วยเงินลงทุน 5-6 หมื่นล้านบาท ให้เสร็จภายในต้นปี 2556 ที่ผ่านมา แต่โครงการได้รับการต่อต้านจากชาวบ้านในบริเวณนั้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มทำประชาพิจารณ์สอบถามความคิดเห็นของประชาชน และชุมชนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ในพื้นที่ตั้งแต่ปลายปี 2555 เป็นต้นมา

แต่หลังจากเริ่มทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ก็เริ่มสะดุด โดยเฉพาะวิธีการขนส่งด้วยการลำเลียงด้วยเรือขนาดใหญ่กว่า 50,000- 100,000 ตัน และท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน เพื่อลำเลียงมายังโรงไฟฟ้า เนื่องจากมีชาวบ้านส่วนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย เกรงว่าจะเกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่และอาชีพ โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้าน และผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยว และประเด็นที่ทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ยอมพับโครงการชั่วคราวเมื่อปี 2556 เนื่องจากถูกคัดค้านการก่อสร้างท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน ที่บริเวณสะพานช้าง ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง อย่างหนัก จากสมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่

โดยให้ไปทำการศึกษาท่าเรือบ้านคลองรั้ว ต.ตลิ่งชัน ทดแทน เนื่องจากท่าเรือดังกล่าวเป็นท่าเรือที่โรงไฟฟ้ากระบี่ ใช้เป็นท่าเทียบเรือในการขนถ่ายน้ำมันเตา ในการผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่ในปัจจุบัน ทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ได้เริ่มกางโครงการทำประชาพิจารณ์ครั้งใหม่ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2557 ที่โรงเรียนบ้านคลองรั้ว ม.1 ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว ครั้งที่ 1 หรือ ค.1 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการศึกษาเพื่อพัฒนาขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้ากระบี่ โดยมีประชาชนในพื้นที่ตำบลคลองขนาน และตำบลตลิ่งชัน และกลุ่มต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน เช่น กลุ่มพิทักษ์ปกาสัย และกลุ่มชาวเกาะลันตา รักษ์อันดามัน เดินทางมาร่วมรับฟังการจัดเวที

และในระหว่างที่มีการเปิดเวทีให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น ก็ได้มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น โดยมีกลุ่มสนับสนุนขว้างขวดน้ำ และเก้าอี้เข้าใส่กลุ่มผู้คัดค้าน เนื่องจากกลุ่มผู้คัดค้านได้ทำการนำป้ายคัดค้านไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินปิดเวที ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงของการดำเนินการชี้แจงของบริษัทที่ปรึกษา แต่ในที่สุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ก็ได้มีการเจรจา และแยก 2 ฝ่ายออกจากกัน และได้ดำเนินการทำประชาพิจารณ์ไปจนจบกระบวนการ และล่าสุด เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางกลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านสร้างโรงไฟฟ้า และท่าเรือบ้านคลองรั้ว ก็ได้มีการเผชิญหน้ากันอีกครั้ง เนื่องจาก กฟผ.ได้นำแพขนานยนต์ออกจากท่าเรือบ้านแหลมกรวด ต.คลองขนาน เพื่อมุ่งหน้าไปยังท่าเรือบ้านคลองรั้ว ต.ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่จะสร้างท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหินไปยังโรงไฟฟ้ากระบี่

ทำให้ชาวบ้านแหลมหิน ซึ่งเป็นชาวบ้านที่คัดค้านการสร้างท่าเรือ และโรงไฟฟ้า ได้นำเรือหางยาว ประมาณ 80 ลำ มาลอยขวางกลางทะเล เพื่อไม่ให้แพขนานยนต์ ผ่านไปยังท่าเรือบ้านคลองรั้วได้ และเมื่อ กฟผ.ทราบข่าวก็ได้ส่งผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เข้ามาเจรจา ขอให้ชาวบ้านเปิดทางให้แพขนานยนต์ผ่าน แต่สุดท้ายการเจรจาล้มเหลว ทาง กฟผ.ก็ได้สั่งให้มีการนำแพขนานยนต์กลับ แต่ระหว่างนั้นก็ได้มีเสียงปืนดังขึ้นติดๆ กัน จำนวน 3 นัด ทำให้ชาวบ้านแตกตื่นและสลายตัวไป โดยทาง กฟผ.อ้างว่า แพขนานยนต์ดังกล่าวเป็นแพขนานยนต์บรรทุกอุปกรณ์สำรวจทางธรณีวิทยา ชั้นดิน และหินใต้ท้องทะเล

ที่ กฟผ.จะนำไปทำการสำรวจบริเวณท่าเรือ ไม่ใช่เป็นการบรรทุกอุปกรณ์เพื่อสร้างสะพานอย่างที่ชาวบ้านเข้าใจ และเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ทางกลุ่มชาวบ้านแหลมหิน ที่ถูกคนของ กฟผ.ยิงปืนข่มขู่ ได้รวมตัวเดินทางมายังศาลากลาง พร้อมยื่นหนังสือถึง นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ผ่านนายสมาน แสงสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เพื่อขอให้มีการตรวจสอบและเอาผิดต่อบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่ยิงปืนข่มขู่ชาวบ้าน พร้อมแผนพีดีพี ซึ่งทางรองผู้ว่าฯ รับปากจะดำเนินการให้

เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ชาวบ้านก็ได้รวมตัวกันทำละหมาดเพื่อขอให้ กฟผ.ล้มเลิกโครงการ ต่อมา วันที่ 9 ที่ผ่านมา ทาง กฟผ.ได้นัดประชุมชาวบ้านในพื้นที่ ต.ตลิ่งชัน เพื่อทำประชาพิจารณ์โครงการสร้างสะพานท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว โดยนัดหมายที่บริเวณที่ทำการ อบต.ตลิ่งชัน ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยก็ได้เดินทางมารวมกันกันคัดค้านประมาณ 300 คน ทำให้ กฟผ.ปิดเวทีหนีตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดเวที ทำให้ชาวบ้านที่คัดค้านเริ่มสงสัยถึงความไม่โปร่งใสการทำโครงการฯ ของ กฟผ.พร้อมประกาศให้การทำ ค.2 เป็นโมฆะ และตั้งคำถามไปต่างๆ นานา และต่างรอว่า กฟผ.จะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ๆ ชาวบ้านจะไม่ยอมให้ กฟผ.สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในพื้นที่จังหวัดกระบี่อย่างเด็ดขาด