สุราษฎร์ธานี - ชาวบ้านในตำบลอรัญครามวารี จ.สุราษฎร์ธานี ค้านธนารักษ์พื้นที่นำพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ป่าชุมน้ำและเป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์สัตว์ รวมทั้งเป็นแหล่งกำเนิดขยายพันธุ์ต้นจันทน์กระพ้อที่มีเชื่อเสียงของจังหวัดในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองทุ่งทอง ให้กลุ่มนายทุนเช่าปลูกพืชพลังงานทดแทน (ปาล์มน้ำมัน) ล่าสุดพ่อเมืองส่งรองผู้ว่าราชการเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง และสั่งระงับจนกว่าจะได้ข้อยุติ
ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลอำเภออรัญคราววารี อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี นายวงศศิริ พรหมชนะ รองผู้ว่าราชการสุราษฎร์ธานี พร้อมนางสุวรรณา ทรัพย์มี หัวหน้าสำนักงานธนารักษ์พื้นที่สุราษฎร์ธานี ได้ลงไปพบปะประชุมร่วมกับผู้นำชุมชนที่ประกอบด้วย นายบุญฤทธิ์ พงษ์ประดิษฐ์ นายก อบต.อรัญครามวารี นายชัชชน อภินันทชาติ กำนันตำบลอรัญครามวารีพร้อม ผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนชาวบ้าน กว่า 20 คน
หลังมีกลุ่มผู้นำชุมชน ประชาชนในพื้นที่ได้ร้องเรียนคัดค้านต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงกรณีธนารักษ์พื้นที่สุราษฎร์ธานีจะมีการยกเลิกพื้นที่สาธารณประโยชน์ (นสล.) ในพื้นที่ราชพัสดุแปลง สฎ 848 ที่อยู่ในการดูแลจำนวนนับหมื่นไร่ และอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองทุ่งทอง เพื่อนำมาให้กลุ่มนายทุน และประชาชนทั่วเช่าพื้นที่เพาะปลูกพืชพลังงานทดแทน (ปาล์มน้ำมัน) ล่าสุดมีการอนุมัติให้เช่าไปแล้วจำนวนกว่า 1,000 ไร่ มีการนำเครื่องมือจักรกลหนักเข้าพื้นที่ทำการปรับพื้นที่โค่นล้มไม้ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ ต้นจันทน์กระพ้อ ที่เป็นต้นไม้ประจำอำเภอและเป็นไม้ห้วงห้ามชนิดเกรด A พร้อมมีการแปรรูปไม้ในพื้นที่ออกไปขายไปจำนวนมาก จนเกิดการต่อต้านผู้นำชุมชนประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการขัดแย้งกันอย่างหนัก จนมีการเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เคียนซา เพื่อดำเนินคดีต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด
จากนั้นคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมกับกล่าวว่า พื้นที่ให้เช่าเป็นพื้นที่ราชพัสดุที่อยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองทุ่งทองที่มีพื้นที่กว่า 30,000 ไร่ที่อยู่ในความดูแลของกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในส่วนนี้ปรากฏว่ามีราษฎรเข้ามาทำกินอยู่และได้ดำเนินการขอเช่าที่ทำกินต่อธนารักษ์พื้นที่ตามกฎหมาย แต่ก็มีราษฎรอีกกลุ่มหนึ่งได้เข้าร้องเรียนอ้างสิทธิในการครอบครองพื้นที่ดังกล่าวอยู่ก่อนแล้ว ในที่ประชุมได้มีมติให้มีการดำเนินการเดินสำรวจพื้นที่แปลงดังกล่าวให้ชัดเจน
โดยมีกำหนดเดินสำรวจให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ แล้วเชิญคู่กรณีมาเจราจาหาทางยุติโยให้ทั้งคู่นำพยานหลักฐานมาตรวจสอบหากพบว่าผู้ใดมาอยู่ก่อนก็ได้สิทธิในการเช่าที่ทำกิน และให้ยกเลิกการออกหนังสือเช่าที่ดินที่ไม่ถูกต้องต่อไปเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ยังได้ดูพื้นที่บางส่วนที่เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำที่ทาง อบต.ขอใช้เพื่อเป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำบริเวณหนองคันจำนวน 300 กว่าไร่ เพื่อเป็นการรองรับให้ราษฎรในพื้นที่ได้ประกอบอาชีพต่อไป พร้อมยืนยันว่าในส่วนเป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์และพื้นที่ป่าลุ่มน้ำ และแหล่งกำเนิด ต้นจันทร์กระพ้อจะไม่มีการให้เช่าอย่างเด็ดขาด พร้อมสั่งการให้ท้องถิ่นจัดทำถนนรอบพื้นที่ป้องกันการบุกรุกหากไม่มีการดูแลอย่างต่อเนื่อง ก็จะมีกลุ่มบุคคลบุกรุกเข้าครอบครองพื้นทำประโยชน์โดยไม่ถูกต้องเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นจึงต้องพยายามสร้างองค์กรท้องถิ่นให้เข้มแข็งเฝ้าดูแลรักษาและอนุรักษ์เพื่อเป็นสมบัติของลูกหลานต่อไป
นางสุวรรณา ทรัพย์มี ธนารักษ์พื้นที่ ระบุว่า หากพื้นที่ที่เป็นป่าสมบูรณ์ทางชุมชนต้องการที่จะกันพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันก็ไม่ขัดข้อง ส่วนปัญหาการขัดแย้งต่างๆ ก็ต้องเจรจาหาทางออกร่วมกันโดยให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ขณะที่นายบุญฤทธิ์ พงษ์ประดิษฐ์ นายก อบต.อรัญครามวารี กล่าวว่า พื้นที่ที่จะขอกันไว้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมซึ่งเป็นป่าที่สมบูรณ์และเป็นแหล่งขยายพันธุ์สัตว์มีจำนวน 3 แปลง รวมแล้วกว่า 5,000 ไร่ ในพื้นที่หมู่ที่ 1-3-5 ของ ต.อรัญครามวารี ที่เหลือจากนั้นที่เป็นป่าเสื่อมโทรมหรือมีชาวบ้านเข้าทำกินอยู่แล้วก็ให้ดำเนินการขอเช่าตามกฎหมายของธนารักษ์ต่อไป
ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลอำเภออรัญคราววารี อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี นายวงศศิริ พรหมชนะ รองผู้ว่าราชการสุราษฎร์ธานี พร้อมนางสุวรรณา ทรัพย์มี หัวหน้าสำนักงานธนารักษ์พื้นที่สุราษฎร์ธานี ได้ลงไปพบปะประชุมร่วมกับผู้นำชุมชนที่ประกอบด้วย นายบุญฤทธิ์ พงษ์ประดิษฐ์ นายก อบต.อรัญครามวารี นายชัชชน อภินันทชาติ กำนันตำบลอรัญครามวารีพร้อม ผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนชาวบ้าน กว่า 20 คน
หลังมีกลุ่มผู้นำชุมชน ประชาชนในพื้นที่ได้ร้องเรียนคัดค้านต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงกรณีธนารักษ์พื้นที่สุราษฎร์ธานีจะมีการยกเลิกพื้นที่สาธารณประโยชน์ (นสล.) ในพื้นที่ราชพัสดุแปลง สฎ 848 ที่อยู่ในการดูแลจำนวนนับหมื่นไร่ และอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองทุ่งทอง เพื่อนำมาให้กลุ่มนายทุน และประชาชนทั่วเช่าพื้นที่เพาะปลูกพืชพลังงานทดแทน (ปาล์มน้ำมัน) ล่าสุดมีการอนุมัติให้เช่าไปแล้วจำนวนกว่า 1,000 ไร่ มีการนำเครื่องมือจักรกลหนักเข้าพื้นที่ทำการปรับพื้นที่โค่นล้มไม้ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ ต้นจันทน์กระพ้อ ที่เป็นต้นไม้ประจำอำเภอและเป็นไม้ห้วงห้ามชนิดเกรด A พร้อมมีการแปรรูปไม้ในพื้นที่ออกไปขายไปจำนวนมาก จนเกิดการต่อต้านผู้นำชุมชนประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการขัดแย้งกันอย่างหนัก จนมีการเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เคียนซา เพื่อดำเนินคดีต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด
จากนั้นคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมกับกล่าวว่า พื้นที่ให้เช่าเป็นพื้นที่ราชพัสดุที่อยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองทุ่งทองที่มีพื้นที่กว่า 30,000 ไร่ที่อยู่ในความดูแลของกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในส่วนนี้ปรากฏว่ามีราษฎรเข้ามาทำกินอยู่และได้ดำเนินการขอเช่าที่ทำกินต่อธนารักษ์พื้นที่ตามกฎหมาย แต่ก็มีราษฎรอีกกลุ่มหนึ่งได้เข้าร้องเรียนอ้างสิทธิในการครอบครองพื้นที่ดังกล่าวอยู่ก่อนแล้ว ในที่ประชุมได้มีมติให้มีการดำเนินการเดินสำรวจพื้นที่แปลงดังกล่าวให้ชัดเจน
โดยมีกำหนดเดินสำรวจให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ แล้วเชิญคู่กรณีมาเจราจาหาทางยุติโยให้ทั้งคู่นำพยานหลักฐานมาตรวจสอบหากพบว่าผู้ใดมาอยู่ก่อนก็ได้สิทธิในการเช่าที่ทำกิน และให้ยกเลิกการออกหนังสือเช่าที่ดินที่ไม่ถูกต้องต่อไปเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ยังได้ดูพื้นที่บางส่วนที่เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำที่ทาง อบต.ขอใช้เพื่อเป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำบริเวณหนองคันจำนวน 300 กว่าไร่ เพื่อเป็นการรองรับให้ราษฎรในพื้นที่ได้ประกอบอาชีพต่อไป พร้อมยืนยันว่าในส่วนเป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์และพื้นที่ป่าลุ่มน้ำ และแหล่งกำเนิด ต้นจันทร์กระพ้อจะไม่มีการให้เช่าอย่างเด็ดขาด พร้อมสั่งการให้ท้องถิ่นจัดทำถนนรอบพื้นที่ป้องกันการบุกรุกหากไม่มีการดูแลอย่างต่อเนื่อง ก็จะมีกลุ่มบุคคลบุกรุกเข้าครอบครองพื้นทำประโยชน์โดยไม่ถูกต้องเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นจึงต้องพยายามสร้างองค์กรท้องถิ่นให้เข้มแข็งเฝ้าดูแลรักษาและอนุรักษ์เพื่อเป็นสมบัติของลูกหลานต่อไป
นางสุวรรณา ทรัพย์มี ธนารักษ์พื้นที่ ระบุว่า หากพื้นที่ที่เป็นป่าสมบูรณ์ทางชุมชนต้องการที่จะกันพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันก็ไม่ขัดข้อง ส่วนปัญหาการขัดแย้งต่างๆ ก็ต้องเจรจาหาทางออกร่วมกันโดยให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ขณะที่นายบุญฤทธิ์ พงษ์ประดิษฐ์ นายก อบต.อรัญครามวารี กล่าวว่า พื้นที่ที่จะขอกันไว้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมซึ่งเป็นป่าที่สมบูรณ์และเป็นแหล่งขยายพันธุ์สัตว์มีจำนวน 3 แปลง รวมแล้วกว่า 5,000 ไร่ ในพื้นที่หมู่ที่ 1-3-5 ของ ต.อรัญครามวารี ที่เหลือจากนั้นที่เป็นป่าเสื่อมโทรมหรือมีชาวบ้านเข้าทำกินอยู่แล้วก็ให้ดำเนินการขอเช่าตามกฎหมายของธนารักษ์ต่อไป
