สุราษฎร์ธานี - ผู้ประกอบการร้านอาหารทะเลชื่อดังปากน้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี ร้องสื่อถูกนายทุนรุกหนักนำแร่ยิปซัมมากองท่าเรือท่าทอง แต่ไม่มีการป้องกันฝุ่นละอองที่เป็นพิษ ส่งผลกระทบต่อร้านอาหาร ชีวิตประจำวัน และสุขภาพ ล่าสุด นายทุนเตรียมโค่นป่าแนวกันชนป้องกันสารพิษ เพื่อปรับปรุงนำแร่มากองประชิดร้านอาหาร เผยร้องเรียนไปยังภาครัฐแล้วแต่ไร้ผล
วันนี้ (21 ก.พ.) นายชิต จันทร์ทอง อายุ 80 ปี และ นางมาลี จัทร์ทอง อายุ 75 ปี สองสามีภรรยา ผู้ประกอบการจำหน่ายอาหารทะเล “รุ่งตาปีซีฟู้ด” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากน้ำตาปี เลขที่ 22/1 ม.3 ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ได้นำผู้สื่อข่าวดูผลกระทบจากฝุ่นแร่ยิปซัมที่ลอยมากับกระแสลม มาจับตามโต๊ะอาหารจำนวนมาก ซึ่งฝุ่นละอองเหล่านี้ได้ลอยจากกองแร่ยิปซัมที่กองอยู่บริเวณท่าเรือของเอกชน และท่าเรือท่าทองของรัฐ เพื่อรอการขนส่งลงเรือก่อนนำออกส่งไปยังต่างประเทศ
บางรายมีการป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่นแร่ แต่บางก็ไม่มี เมื่อมีกระแสลมแรง หรือการขนส่งทำให้ฝุ่นแร่เหล่านั้นลอยตามลมมาจับที่โต๊ะอาหารเป็นจำนวนมาก ทำให้ลูกค้าไม่เข้ามาใช้บริการ หรือขณะที่ลูกค้านั่งกินอาหารอยู่ต้องลุกหนีเนื่องจากทนฝุ่นละอองไม่ไหว ทำให้ร้านอาหารที่มีอยู่จำนวนกว่า 10 แห่ง ได้รับผลกระทบจนไม่อาจขายอาหารได้ ทั้งๆ ที่ร้านจำหน่ายอาหารทะเลของปากน้ำตาปี เป็นแหล่งที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปเป็นอย่างดีมากว่า 40 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการมีการจำหน่ายอาหารทะเลมีรายได้วันละกว่า 100,000 บาท ปัจจุบันจำหน่ายได้ไม่ถึง 10,000 บาทต่อวัน หรือบางวันก็มีแค่โต๊ะเดียว ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้จำหน่ายอาหารทะเลเป็นอย่างยิ่ง
ล่าสุด มีนายทุนมาขอเช่าที่ราชพัสดุที่เป็นพื้นที่ป่าแหล่งสุดท้ายที่ป้องกันฝุ่นแร่จากท่าเรือท่าทอง แล้วทำการโค่นป่าปรับปรุงพื้นที่ และนำแร่ยิปซัมมากองติดกับร้านอาหารอีก อาจส่งผลกระทบต่อร้านอาหารหนักกว่าเดิม ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ตนเองกับครอบครัว และชาวบ้านในบริเวณนี้ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองแร่จนเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ ร่างกายเกิดผดผื่นคันและผิวหนังแห้งกร้าน จึงได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่เรื่องยังเงียบเฉย จึงได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อเพื่อนำเสนอออกสู่สาธารณชน เพื่อต้องการให้รักษาป่าที่เป็นป่ากันชนป้องกันสารพิษจากฝุ่นแร่ไว้ต่อไป
