xs
xsm
sm
md
lg

รองเลขาฯ ศอ.บต.รุดปลอบขวัญนักข่าวอิศรา หลังถูก จนท.บุกค้นบ้านทำยายวัย 70 ช็อก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัตตานี - รองเลขาธิการ ศอ.บต รุดไปให้กำลังใจครอบครัวของนักข่าวอิศรา หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่นับร้อยติดอาวุธสงครามครบมือปิดล้อมตรวจค้นบ้านโดยมิได้ประสานผู้นำท้องถิ่น ส่งผลให้ยายวัย 70 ปีตกใจโรคหัวใจกำเริบ

วันนี้ (29 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากที่ได้เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ หัวหน้างานสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญ ศูนย์ปฏิบัติงานตำรวจชายแดนภาคใต้ นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดจู่โจมติดอาวุธครบมือจำนวนนับร้อยเข้ามาปิดล้อมในพื้นที่เป้าหมายจำนวน 10 กว่าหลัง ไม่เว้นแม้กระทั่งบ้านนักข่าวประจำศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และที่ปรึกษาพิเศษเลขาธิการ ศอ.บต. เป็นเหตุให้ยายวัย 70 ปี ต้องตกใจและช็อกจากอาการโรคหัวใจกำเริบ เหตุเกิดเมื่อเวลา 12.30 น.ของวันที่ 28 เมษายน

ล่าสุด เลขาธิการ ศอ.บต.ได้มอบหมายให้อาจารย์ปิยะ กิจถาวร รองเลขาธิการ ศอ.บต.เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจถึงบ้านทันทีในวันเดียวกัน และได้สอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งอีหม่ามมัสยิดในหมู่บ้านได้ออกมาชี้แจงและยืนยันว่าการเข้ามาปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้ไม่ได้มีการประสานกำลังในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านแต่อย่างใด นอกจากนั้นยังได้มีกลุ่มชาวบ้านเข้ามามาร้องเรียน กับ ศอ.บต.เพื่อขอความความปลอดภัย เนื่องจากเกรงว่าจะมีการยัดใส่ของกลาง หรือวางของสิ่งผิดกฎหมายแล้วสั่งให้เจ้าหน้าที่กลับซุ่มมาตรวจสอบดูอีกรอบเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ มาแล้ว

นางนาซือเราะ หวังนิ นักข่าวประจำศูนย์ข่าวอิศราฯ และที่ปรึกษาพิเศษเลขาฯ ศอ.บต.ได้เล่าถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า ระหว่างนั้นแม่ซึ่งอยู่ใกล้ๆ เล่าว่าเข้ามานอกจากไม่มีผู้ใหญ่ไม่มีผู้ช่วยแล้วยังไม่ถอดรองเท้าขึ้นบ้าน เหยียบที่ละหมาดสกปรก ต่อมาเจ้าหน้าที่ทีมเดียวกันกับเขาได้นำเอกสารบันทึกการตรวจค้นให้เซ็น ตนบอกขออ่านก่อน และถามว่าคืออะไร เจ้าหน้าที่อธิบายว่าเป็นหนังสือยืนยันว่าเราได้เข้ามาค้นบ้านและไม่มีทรัพย์สินอะไรเสียหาย

“ระหว่างนั้นฉันก็อ่านเอกสารฉบับนั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งเขียนว่า “มิได้ข่มขู่ หรือบังคับในการเข้าตรวจค้น” ฉันก็ถามไปว่า ตรงนี้แม่บอกว่าพี่ได้ขู่ก่อนที่จะเข้าตรวจค้นนี้ แม่ไม่ให้เข้าพี่ก็พี่ก็เข้า ฉันไม่เซ็นถ้าเป็นแบบนี้ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่อีกคน มาบอกว่าไม่เซ็น ก็ไม่เป็นไร ได้เข้าไปแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่อีกคนก็มาบอกว่าไม่เป็นไรตรงนี้เราคุยกันได้ ฉันก็ตอบไปว่าได้ ฉันไม่มีปัญหา เซ็นให้ได้เพราะเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ ก่อนที่พี่จะมาพี่ก็ต้องหาข้อมูล เป้าหมายชัดเจนแล้วที่จะมา แต่ครั้งนี้ก็ผิดคาดนะคะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”

“ฉันก็ถามเจ้าหน้าที่คนนั้นอีกว่าจะให้เซ็นเอกสารโดยที่ไม่รู้ว่าข้อมูลที่เหลือพี่จะใส่อะไรนี่นะ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็บอกว่าผมเขียนก่อน ฉันก็เลยบอกว่าได้ฉันเซ็นได้ถ้าแบบนี้ พอเขาเขียนเสร็จ เขาเอามาให้น้าสาวฉันซึ่งทำงานที่หน่วยทหารพัฒนาการเคลื่อนที่เซ็นก่อน พอน้าเซ็นเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็เอาเอกสารฉบับนั้นมาให้ฉัน ฉันก็อ่านอีกรอบ แล้วปรากฏว่า คำว่า “มิได้ข่มขู่ หรือบังคับในการเข้าตรวจค้น” ยังอยู่ ข้อมูลในเอกสารไม่ตรงกับความเป็นจริง ฉันก็เลยไปกาขีดที่คำว่า “มิ” คำเดียวออก เหลือประโยคว่า “ได้ข่มขู่ หรือบังคับในการเข้าตรวจค้น” ระหว่างที่กาขีดนั้น ฉันก็บอกเจ้าหน้าที่ไปว่าพี่อันนี้ไม่ถูกนะ

เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ถามว่าน้องทำแบบนี้ทำไม ฉันก็ตอบไปว่า อ้าวก็บอกพี่แล้วไง เจ้าหน้าที่อีกคนก็บอกว่ามีปัญหา ขอค้นอีกรอบ ฉันก็เลยบอกว่าได้ไม่มีปัญหา ครั้งนี้จะเข้ากี่คน เจ้าหน้าที่ก็ตอบว่าเข้า 4 คน ฉันก็บอกว่าฉันขอเอาคนของฉัน 4 คน ระหว่างที่เข้าค้น ฉันก็พูดกับเจ้าหน้าที่ว่า ถ้าครั้งแรกพี่ให้มีผู้ชายอยู่สักคนก็ยังดี ไม่มีผู้ใหญ่ก็ไม่ว่า แต่นี่เล่นเข้ามาเป็นสิบ แม่คนเดียว และผู้หญิงแก่อีก ช็อกด้วย และรองเท้าก็ไม่ถอด พี่ไม่ได้ทำตามกรอบ เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่ตอบอะไร เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ค้นไปโดยไม่สนใจฉัน ไม่นานเสียงปืนข้างบ้านลั่นขึ้นซึ่งปืนกระบอกนั้นอยู่ห่างจากที่ พล.ต.ท.สุชาติ แค่ไม่ถึงก้าวหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำเป็นไม่สนใจเสียงปืนนั้นและค้นบ้านฉันต่อ พอค้นหมดรอบบ้านก็นำกำลังกลับ แล้วพูดว่าถ้าพูดดีๆ แบบนี้ตั้งแต่ตอนแรกก็ไม่มีปัญหา ฉันก็ตอบไปว่าถ้าทีมพี่มาอย่างถูกต้องตามหลัก หนูก็จะไม่มีปัญหาแบบนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็ขับรถออกไปโดยที่ไม่ได้ให้ฉันเซ็นเอกสารฉบับนั้นด้วย

เหตุการณ์ครั้งนี้ที่เกิดขึ้นทำให้ฉันคิดว่า เหมือนเจ้าหน้าที่ไม่สนใจ เราจะทำหน้าที่อะไรมาไม่สำคัญ จะเป็นใครก็ไม่ใช่ปัญหาถ้าเขาจะทำ การยึดโทรศัพท์ และกล้องถ่ายรูป โดยห้ามไม่ให้ฉันถ่ายรูป ทั้งที่เจ้าหน้าที่ถ่ายได้โดยอ้างว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่มีอำนาจทำได้ทุกอย่าง แต่ฉันทำข่าว ชาวบ้านมาฉันก็ถ่ายรูปและเขียนข่าวหาข้อมูลได้ทุกอย่างเหมือนกัน วันนี้พอฉันโดนกระทำ เหมือนสิทธิของฉันหายไปไม่เหลือเลย ก็รู้สึกตั้งคำถามนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น สิทธิของฉันหายไปไหน ฉันไม่มีสิทธิ นี่ขนาดในบ้านของฉันนะ และการที่เดินเข้าบ้าน โดยที่ไม่ถอดรองเท้าเป็นสิ่งที่ไม่หน้าจะเจอแล้ว สิ่งสำคัญกว่านั้น ปืนที่ลั่น ถ้าไปโดนใครคนใดคนหนึ่ง ขอถามว่าใครจะรับผิดชอบทั้งหมดนี้แปลว่า เจ้าหน้าที่เท่านั้นที่ทำได้ แต่ฉันและชาวบ้านคนอื่นๆ หมดสิทธิเช่นนั้นหรือ”
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น