xs
xsm
sm
md
lg

รวบอีกสาวไทยขนยาไอซ์ผ่านสนามบินภูเก็ตมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท(ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต รวบสาวไทยลอบขนยาไอซ์เข้าภูเก็ต ตบตาเจ้าหน้าที่โดยซุกซ่อนในซองผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มธัญญาหาร มูลค่าประมาณ 7 ล้านบาท แต่ไม่พ้นถูกจับคาด่านตรวจ อ้างไม่รู้ว่าเป็นยาเสพติด เพื่อนที่ชวนไปเที่ยวฝากของมาให้หลานเลยรับฝากมา ขณะที่การจับกุมลักลอบขนยาเสพติดผ่านสนามบินทั่วประเทศมีแล้วกว่า 100 ราย มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (7 เม.ย.) นายประยุทธ์ มณีโชติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 พร้อมด้วย นางมนทิรา เชิดชู นายด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต นายธาดา ชุมไชโย ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 3 สำนักสืบสวนปราบปราม กรมศุลกากร นายเดชา วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 สำนักสืบสวนปราบปราม กรมศุลกากร นายสมนึก วุฒิศักดิ์สถิต นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ หัวหน้าชุดจับกุม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศุลกากร พ.ต.อ.สมชาย สรรประเสริฐ ผกก.ท่าฉัตรไชย พ.ต.อ.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผกก.ด่านตรวจคนเข้าเมือง และ น.อ.วิสูธ จันทนา รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม น.ส.บัวชมพู พัฒนปิยวัชร์ อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพฯ ผู้ต้องหาลอบขนยาไอซ์ น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 7 ล้านบาท ผ่านทางท่าอากาศยานภูเก็ต

นายประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากนโยบายของอธิบดีกรมศุลกากร และนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดที่สั่งการให้ทางด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ตเข้มงวดในการป้องกันการลักลอบนำยาเสพติดผ่านทางท่าอากาศยาน ซึ่งมีแนวโน้มการลักลอบขนยาเสพติดค่อนข้างสูง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้มงวดในการตรวจสอบสัมภาระผู้โดยสารเพื่อสกัดกั้น และป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (6 เม.ย.) ทางเจ้าหน้าชุดจับกุมได้ตรวจสอบสัมภาระของผู้โดยสารพบความผิดปกติจึงได้เชิญตัวเจ้าของกระเป๋า คือ น.ส.บัวชมพู พัฒนปิยวัชร์ สัญชาติไทย อายุ 50 ปี ไปตรวจสอบอย่างละเอียด

จากการตรวจสอบพบว่า ภายในซองผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มธัญญาหารที่อยู่ในกระเป๋าสัมภาระ มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว ห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 2.50 กิโลกรัม รวมมูลค่าประมาณ 7 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่จึงนำตัวมาสอบสวนเพื่อขยายผล จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า เพื่อนชาวผิวสี ซึ่งเป็นคนแอฟริกา ชวนให้ไปท่องเที่ยวที่เมืองกวางโจ โดยเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 ที่ผ่านมา และเดินทางกลับมาประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 เม.ย.โดยออกจากกวางโจว ด้วยรถบัส เมื่อวันที่ 6 เม.ย. และไปต่อเครื่องบินฮ่องกง เพื่อเดินทางต่อมายังภูเก็ต โดยสายการบินดราก้อนแอร์ เที่ยวบินที่ KA 264 ถึงสนามบินภูเก็ตเวลา 16.30 น.วันเดียวกัน ซึ่งก่อนเดินทางกลับเพื่อนก็ได้ฝากของซึ่งบอกว่าเป็นขนมมาให้หลานๆ ของเพื่อนซึ่งจะมีคนมารับโดยจะมีคนมารับของหลังจากที่ตนเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าภายในถุงขนมมีการซุกซ่อนยาเสพติดไว้ ซึ่งก่อนหน้าที่เพื่อนคนเดียวกันได้ชักชวนตนไปเที่ยวที่ประเทศจีนมาแล้วครั้งหนึ่งโดยชวนไปไหว้พระ ซึ่งเป็นการไปเที่ยวตามปกติ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปเที่ยว

หลังจากการสอบสวนในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งของกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำเขามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้นำตัวผู้ต้องหา และของกลางส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

นายประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการลักลอบขนยาเสพติดผ่านทางท่าอากาศยานต่างๆ ในประเทศไทยนั้นมีมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะมีคนผิวสีอยู่เบื้องหลัง โดยใช้วิธีชักจูงตีสนิทกับผู้หญิงไทย โดยจะศึกษาข้อมูลว่าแต่ละคนมีความต้องการอะไร เช่น บางคนต้องการเงิน บางคนต้องการไปเที่ยว ก็ใช้จุดอ่อนเหล่านั้นเสนอให้ตามความต้องการของแต่ละคน ทำให้หญิงไทยบางคนถูกหลอกให้ขนยาเสพติดเข้าประเทศมาโดยไม่รู้ตัว บางคนก็รู้แต่ทำไปเพราะต้องการเงิน จึงอยากเตือนหญิงไทยทั้งหลายอย่าตกเป็นเหยื่อของแก๊งยาเสพติดชาวต่างชาติ เพียงเพราะมีการเสนอให้เดินทางไปเที่ยวฟรี

สำหรับสถิติการจับกุมคดีลักลอบขนยาเสพติดผ่านทางท่าอากาศยานทั่วประเทศในปี 2556 พบว่า มีการลักลอบขนยาเสพติดประเภทต่างๆ รวมทั้งสิ้น 324 ราย มูลค่าของกลาง 590,504,995 บาท ขณะที่ในปีงบประมาณ 2557 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2556 ถึงปัจจุบัน มีการจับกุมผู้ต้องหาที่ลักลอบนำยาเสพติดประเภทต่างๆ ผ่านท่าอากาศยานทั่วประเทศ จำนวน 123 ราย มูลค่าของกลาง 323,152,390 บาท ซึ่งมีทั้งยาเสพติดประเภทยาไอซ์ เฮโรอีน โคเคน ยาบ้า ฝิ่น กัญชา ยางกัญชา ใบกระท่อม และอื่นๆ
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น