ศุลกากรรวบหนุ่มฟิลิปปินส์ลอบขนยาไอซ์ 7 กิโลกรัม มูลค่า 30 ล้านเข้าประเทศ ผ่านสนามบินนานาชาติภูเก็ต สารภาพรับจ้างเพื่อนชาวผิวสี ขนยาเสพติดมาแล้ว 3 ครั้ง อ้างรายได้ไม่พอใช้จ่าย เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหามียาเสพติดประเภทที่ 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
วานนี้ (12 เม.ย.) ที่กรมศุลกากรประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร นายราฆพ ศรีศุภอรรถ รองอธิบดีกรมศุลกากรด้านปราบปราม นายไพศาล ชื่นจิตร ผอ.สำนักสืบสวนและปราบปราม นายประยุทธ์ มณีโชติ ผอ.สำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 นางมนทิรา เชิดชู นายด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต นายธาดา ชุมไชโย ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายคอร์เนล ปาซอง ซอนนี อายุ 31 ปี (MR.CORNEL PASONG SONNY) สัญชาติ ฟิลิปปินส์ พร้อมของกลางยาไอซ์ น้ำหนัก 7.1 กิโลกรัม มูลค่าราว 30 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรสำนักสืบสวนและปราบปราม ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติต่างๆ เพิ่มความเข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติด มากับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากคาดว่าจะมีผู้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศเป็นจำนวนมาก
ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีชายชาวต่างชาติลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศไทยในช่วงสงกรานต์ ผ่านทางท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต จึงประสานไปยังด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต กระทั่งพบ นายคอเรล ปาซอง ซอนนี่ อายุ 31 ปี เดินทางมาจาก จาก เมืองเดลลี ประเทศอินเดีย ก่อนแวะเปลี่ยนเครื่องบินที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อเดินทางเข้าประเทศไทย ลักษณะท่าทางมีพิรุธ ภายหลังตรวจกระเป๋าเดินทางก็พบวัตถุต้องสงสัยเป็นเกล็ดสีขาวอยู่ในห่อสีน้ำตาลจำนวน 4 ห่อ ซุกซ่อนอยู่ด้านข้างกระเป๋า โดยมีแผ่นพลาสติกสีดำปิดไว้อีกชั้น หลังตรวจด้วยน้ำยาทดสอบสารเสพติดพบว่าเป็นเมทแอมแฟตตามีนไฮดรอคลอไรด์ หรือยาไอซ์ ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางมาสอบสวน
เบื้องต้นนายคอ์รเนลให้การรับสารภาพว่า ได้ค่าจ้าง 2,500 เหรียญสหรัฐ หรือราว 75,000 บาทจากเพื่อนชายชาวผิวสีซึ่งรู้จักกันที่กรุงเทพมหานคร และว่าจ้างให้ลักลอบขนยาไอซ์เข้ามาประเทศไทย โดยทำมาแล้ว 3 ครั้ง เนื่องจากรายได้จากการเป็นพนักงานต้อนรับที่จังหวัดภูเก็ตไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
