ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หารือร่วมผู้ประกอบท่องเที่ยวในอันดามัน กำหนดจุดขาย และจุดเด่นของแต่ละจังหวัด นำเสนอขายนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติ เผยเหตุการณ์ทางการเมืองกระทบท่องเที่ยวกรุงเทพฯ ม.ค.-ก.พ.ลดลงเกือบแสนคน ขณะที่ต่างจังหวัดรับอานิสงส์นักท่องเที่ยวเพิ่ม ปีนี้คาดต่างชาติเที่ยวไทย 28.6 ล้านคน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (7 เม.ย.) นายธวัชชัย อรัญญิก ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวที่จังหวัดภูเก็ต ถึงการหารือร่วมกับภาคเอกชนฝั่งอันดามัน ทั้ง ภูเก็ต พังงา กระบี่ เพื่อกำหนดจุดขายทางด้านการท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัดให้มีความชัดเจน ซึ่งได้มีการหารือร่วมกันเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ โรงแรมภูเก็ต เมอร์ลิน ว่า
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยตน และ ผอ.ททท.สำนักงานในพื้นที่อันดามัน ทั้ง ภูเก็ต กระบี่ และพังงา ได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่อันดามัน เพื่อร่วมกันกำหนดจุดเด่น และจุดขายทางการท่องเที่ยวของแต่ละพื้นที่ ที่นอกเหนือจากทะเล และชายหาด เพื่อให้ ททท.สำนักงานในประเทศ และต่างประเทศนำจุดเด่น และจุดขายดังกล่าวไปส่งเสริมการตลาด เพราะ ททท.มองว่า การสร้างจุดขาย และจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวของแต่ละพื้นที่นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการสร้างความแตกต่างทางจุดขายด้านการท่องเที่ยว
ในการสร้างจุดเด่น และจุดขายทางการท่องเที่ยวทาง ททท.ได้มอบหมายให้เอกชนในพื้นที่นั้น ร่วมกับ ททท.ในพื้นที่กำหนดขึ้น ซึ่งจากการหารือกับภาคเอกชนในครั้งนี้ บางจังหวัดได้มีการเสนอจุดขาย และจุดเด่นคราวๆ บางแล้ว เช่น จังหวัดกระบี่ ที่ต้องการให้เป็นแหล่งท่องที่เป็นธรรมชาติ พังงา ต้องการเป็นแหล่งท่องเที่ยงเชิงนิเวศ หรือ ecotourism เพราะแหล่งท่องเที่ยวในพังงายังถือว่ายังบริสุทธิ์ และเป็นธรรมชาติอยู่อีกมาก ขณะที่ ภูเก็ต เองได้วางตัวเองเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาส ที่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นระดับห้าดาวทั้งหมด ซึ่งการสร้างจุดขายดังกล่าวจะต้องมีความแตกต่างกัน เพื่อให้สามารถกระจายนักท่องเที่ยวไปให้ทั่วทั้งพื้นที่อันดามัน โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการทำให้เกิดรายจากการท่องเที่ยวสูงสุด
นายธวัชชัย กล่าวเพิ่มว่า โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต เป็นพื้นที่ที่มีการเติบโตทางการท่องเที่ยวสูงมาก และมีการลงทุนด้านการท่องเที่ยวเกิดขึ้นตลอดเวลา เมื่อภูเก็ต ตั้งตัวเองเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกก็ต้องทำทุกอย่างให้เป็นห้าดาวให้ได้ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพ และถามว่าขณะนี้ทุกสิ่งทุกอย่างในภูเก็ตเป็นระดับ 5 ดาวหรือยัง โดยเฉพาะในเรื่องของห้องพักต่างๆ คิดว่ามีเพียงพอหรือยัง ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ภูเก็ตจะต้องหยุดการพัฒนาในเรื่องของห้องพัก ต้องการการกำหนดโซนนิ่งในการทำกิจกรรมหรือไม่ โครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับการเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกมีเพียงพอหรือไม่อย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ภาคเอกชน และคนในภูเก็ตจะต้องเป็นคนกำหนดเอง ททท.มีหน้าที่ในการส่งเสริมการตลาด และดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพให้เข้ามาภูเก็ต และประเทศไทย เพราะเมื่อทุกอย่างมีคุณภาพ เราก็จะได้นักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามามากกว่านักท่องเที่ยวที่เป็น Mass
นายธวัชชัย ยังกล่าวถึงภาพรวมการท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ว่า โดยภาพรวมแล้วมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในแหล่งท่องเที่ยวหลักๆ แต่ที่ได้รับผลกระทบบ้าง คือ ที่กรุงเทพฯ ที่นักท่องเที่ยวลดลงประมาณ 90,000-100,000 คน ในเดือน ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางไปท่องเที่ยวยังแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆ กับที่มีการชุมนุม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน และญี่ปุ่น แต่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้เติบโตขึ้นในต่างจังหวัด ทั้งพัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น
ส่วนภาพรวมเป้าหมายการท่องเที่ยวในปีนี้ วางเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เข้าประเทศไทย จำนวน 28.6 ล้านคน รายได้ 1.3 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวคนไทย 138 ล้านทริป รายได้ 7 แสนล้านบาท