พัทลุง - เกษตรกรชาวนา ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน ปลูกหอมแบ่งขาย สร้างรายได้เสริมหลังจากเสร็จสิ้นการทำนาปี ทดแทนการทำนาปรัง หลังขาดแหล่งน้ำ และฤดูแล้งที่คาดว่าจะนานกว่าทุกปี ทำให้ชาวนาหันมาปลูกพืชทดแทนสร้างรายได้เสริม
วันนี้ (26 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า เกษตรกรชาวนาในพื้นที่ ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน หลายรายหันมาปลูกหอมแบ่งขาย เป็นการสร้างรายได้เสริมหลังจากเสร็จสิ้นการทำนาปี และเข้าช่วงในฤดูการทำนาปรัง แต่ปีปริมาณน้ำในอ่างต่างๆ และแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีน้อย ทำให้ชาวนาหันมาปลูกพืชทดแทนสร้างรายได้เสริม
โดยนางเจียม ศรีพุฒยวง อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ม.7 ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง กล่าวว่า สภาพอากาศ และปริมาณน้ำในแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีน้อย และทางจังหวัดได้รณรงค์ให้มีการปลูกพืชทดแทน เนื่องจากการคาดการของปีนี้จะมีฝนแล้งที่ยาวนาน จึงอาจทำให้เสี่ยงต่อการปลูกข้าวนาปรัง ตนจึงหันมาปลูกพืชระยะสั้น โดยการปลูกหอมแบ่งขาย ซึ่งใช้พื้นที่เพี่ยง 1 ไร่ และแบ่งปลูกเป็น 4 ส่วน ใช้เวลาเพียงแค่ 1 เดือน ก็สร้างรายได้เป็นอย่างดี ซึ่งตอนนี้ราคาต้นหอมหน้าแปลงอยู่ที่กิโลกรัมละ 25 บาท มีราคาที่สูงกว่าปีที่แล้ว
นางเจียม ยังกล่าวอีกว่า ขั้นตอนในการปลูกหอมแบ่ง ควรจะเลือกพื้นที่ปลูกที่สามารถให้น้ำได้สะดวก ในพื้นที่ปลูกประมาณ 1-2 ไร่ ให้แบ่งพื้นที่ปลูกให้สามารถทยอยปลูกได้หลายๆ รุ่น แต่ละรุ่นจะใช้พื้นที่ปลูกประมาณ 1 งาน และปลูกให้ห่างกันรุ่นละประมาณ 10-15 วัน ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถผลิตผลผลิตหอมแบ่งออกมาตาลอดซึ่งจะทำให้ได้ราคาดี
ในพื้นที่ปลูก 1 งาน หลังจากตัดตอซังข้าวแล้ว ให้ทำการเตรียมดินปลูก และตากดินไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นขึ้นแปลงขนาดกว้างประมาณ 2 เมตร ส่วนความยาวของแปลงปลูกก็ต้องดูตามความเหมาะสม แล้วใส่ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกคลุกเคล้าลงในดินให้มาก และอาจจะใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 20-10-10 จำนวน 25 กิโลกรัมลงไปด้วย
ในพื้นที่ปลูกหอมแบ่ง 1 งาน จะใช้หัวพันธุ์หอมแบ่งประมาณ 30 กิโลกรัม วิธีการปลูกจะแยกหัวพันธุ์ออกเป็นกลีบๆ และปลูกโดยใช้ระยะปลูก 10X10 เซนติเมตร หลังจากปลูกไปแล้ว ควรจะใช้วัสดุคลุมดินเพื่อป้องกันกำจัดวัชพืช และช่วยรักษาความชุ่มชื้นในดิน ซึ่งโดยทั่วไปนิยมใช้ฟางข้าวแห้งคลุมแปลงปลูก
หลังจากนั้น ก็ควรมีการให้น้ำแก่แปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เพราะหอมแบ่งเป็นพืชที่มีระบบรากตื้น และชอบอากาศชื้น ดังนั้น จึงควรให้น้ำอย่างน้อย 3-4 วันต่อครั้ง เพียง 35-45 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวส่งจำหน่ายได้
โดยทั่วไปแล้วในพื้นที่ 1 ไร่ ให้ประมาณ 2,000 กิโลกรัม ราคาของหอมแบ่งจะไม่ค่อยผันแปรมาก เนื่องจากเป็นพืชที่ตลาดมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอตลอดทั้งปี
