นครศรีธรรมราช - นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เข้าเก็บตัวอย่างก้อนน้ำมันที่พบบริเวณอ่าวไทยไปวิเคราะห์หาองค์ประกอบทางเคมี ระบุ 7 วันรู้ผล ขณะที่มีข้อสันนิษฐานเบื้องต้น 3 ประเด็น และยังคงพบโลมาตายเพิ่มอีกเป็นตัวที่ 5 ในรอบ 2 เดือน
วันนี้ (19 มี.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช กรณีพบคราบน้ำมันจำนวนมากตลอดแนวชายฝั่ง จนสร้างความวิตกกังวลต่อผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และที่มาของน้ำมันดังกล่าว ล่าสุด ผศ.ดร.ศิวฤทธิ์ พงศกรรังศิลป์ ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พร้อมด้วยนักวิทยาศาสตร์ ประจำห้องปฏิบัติการทางวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม เข้าเก็บตัวอย่างก้อนน้ำมันที่พบกระจายตัวอยู่ตลอดแนวฝั่งของนครศรีธรรมราช โดยมีจุดเก็บอยู่ที่ บริเวณม.2 ต.เสาเภา อ.สิชล เพื่อทำการวิเคราะห์ทางเคมีหาที่มาของก้อนน้ำมันชนิดนี้
ผศ.ดร.ศิวฤทธิ์ พงศกรรังศิลป์ ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ระบุว่าตัวอย่างที่เก็บได้จะถูกวิเคราะห์ทางเคมีอย่างละเอียดโดยใช้เวลาประมาณ 7 วัน จะสามารถรู้ผล ขณะที่การตรวจสอบทางกายภาพเบื้องต้นพบว่า ก้อนวัตถุนี้จมน้ำและเมื่อถูกความร้อนจะละลายตัว ส่วนข้อสมมติฐานได้ตั้งไว้ 3 ประเด็นคือ 1.เป็นน้ำมันจากเรือเดินสมุทรที่ปล่อยทิ้ง 2.มาจากอุตสาหกรรมปิโตรเลียม 3.อาจเป็นน้ำมันดิบที่รั้วไหลในจังหวัดระยองและถูกสารเคมีจับให้จมน้ำ
และในวันเดียวกันชาวบ้านใน ม.10 ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา ได้แจ้งว่าพบซากโลมาอีกตัวโดยเมื่อเข้าตรวจสอบพบว่า เป็นโลมาขนาดเล็กน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม ถูกชาวบ้านฝังกลบไว้ริมหาดเนื่องจากมีกลิ่นเหม็น เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาเก็บซากไปทำการพิสูจน์ซึ่งนับว่าการพบโลมาตัวนี้เป็นตัวที่ 5 ในรอบ 2 เดือน