นราธิวาส - เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ร่วมกับกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม จัดการแข่งขันเรือยอกอง เพื่อพัฒนาแม่น้ำโก-ลก สื่อกลางการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย พร้อมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ภายใต้โครงการรักษ์แม่น้ำโก-ลก วันที่ 21-23 มี.ค.57 ณ บริเวณท่าชมพู่ (โปฮงยามู) อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องคนไทยกับชาวมาเลเซียที่อาศัยตามแนวชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ถือว่ามีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาอย่างยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น จนเปรียบเสมือนญาติพี่น้องที่ไม่อาจถูกตัดขาดออกจากกัน เช่นเดียวกับแม่น้ำ โก-ลก ที่ไม่เคยเหือดแห้งไป
แต่ในระยะหลังแม้ความผูกพันในฐานะมิตรประเทศจะยังแน่นแฟ้นดังเดิม แต่สวนทางกับสภาพของแม่น้ำโก-ลก ที่ไม่ได้รับการพัฒนาให้มีความสะอาด และทรงคุณค่าในฐานะเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของพี่น้องทั้ง 2 ประเทศ ดังนั้น เมื่อปี 2554 ประชาชนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาคุณภาพแหล่งน้ำแห่งนี้ให้กลับมาใสสะอาดเพื่อเป็นสัญลักษณ์ด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย จนมีการเปิดเวทีประชาคมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก จึงมีแนวคิดที่จะจัดโครงการรักษ์แม่น้ำโก-ลกขึ้น
ในโอกาสเดียวกันนี้ จึงได้เรียกร้องให้มีการจัดการแข่งขันเรือยอกองสานสัมพันธ์ไทย-มาเลเซียขึ้นไปพร้อมกันด้วย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของประชาชนทั้ง 2 ประเทศไปพร้อมๆ กัน ส่วนสาเหตุที่ต้องแข่งขันเรือยอกอง แทนที่จะเป็นเรือกอและ ที่เป็นสัญลักษณ์ของ จ.นราธิวาส สืบเนื่องมาจากแม่น้ำโก-ลก มีความกว้างเพียง 25 เมตร จึงไม่เหมาะที่จะนำเรือกอและมาทำการแข่งขัน อีกทั้งในสภาพที่ระดับน้ำในแม่น้ำโก-ลก มักเหือดแห้งในช่วงหน้าร้อนของทุกปี เรือยอกอง จึงมีความเหมาะสมมากที่สุด เพราะแม้ขณะนี้ระดับน้ำจะลดลงไปมากจากปัญหาฝนทิ้งช่วงนานนับเดือน แต่การนำเรือยอกองลงทดสอบก็พบว่าสามารถพายเรือไปได้ตลอดเส้นทางการแข่งขัน
นายกามารอเด็ง มามะ ประธานจัดงานแข่งขันเรือยอกองสานสัมพันธ์ไทย-มาเลย์ กล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการจัดงานใน 2 ปีแรก คือ การพัฒนาแม่น้ำโก-ลก ให้มีความสะอาดตลอดทั้งสาย สิ่งปฏิกูล และขยะที่จากเดิมจะลอยเกลื่อนอยู่เต็มสายน้ำก็หายไปเกือบทั้งหมด ทำให้ภูมิทัศน์ของแม่น้ำทั้ง 2 ฝั่งมีความสวยงามเป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยว จึงเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวให้แก่ อ.สุไหงโก-ลก และยังส่งผลให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในการอนุรักษ์แม่น้ำโก-ลกในระดับรัฐต่อรัฐ และประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2556 คณะทำงานได้เว้นการจัดงานไป 1 ปี ด้วยความไม่พร้อมในหลายด้าน จนเกิดเสียงเรียกร้องให้มีการจัดงานขึ้นอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าในปี 2557 เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก นำโดย นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก ได้ให้การสนับสนุนการจัดงาน โดยร่วมกับกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม กองสวัสดิการสังคม และสำนักการศึกษาเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกด้วยการบูรณาการการทำงานในทุกด้าน ทำให้สามารถเตรียมการจัดงานให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยในวันที่ 19 มี.ค.57 จะมีการเปิดเวทีประชาคมเพื่อให้ความรู้ในการอนุรักษ์แม่น้ำโก-ลกให้กับ ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกทั้งฝั่งประเทศไทย และมาเลเซีย
จากนั้นมวลชนของทั้ง 2 ประเทศจะร่วมกันลุยน้ำเพื่อเก็บขยะ และสิ่งปฏิกูลตลอดแนวฝั่งของทั้ง 2 ประเทศ ต่อจากนั้น ในวันที่ 21-23 มี.ค.57 ณ บริเวณท่าชมพู่ (โปฮงยามู) อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จะเข้าสู่ไฮไลต์ของการจัดงานนั่นคือ การแข่งขันเรือยอกองสานสัมพันธ์ ไทย-มาเลย์ที่จะมีทีมเข้าแข่งขันจากประเทศไทย จำนวน 13 ทีม โดยทีมไทยจะนำเรือยอกองที่ประกอบใหม่มีการแกะสลักหัวเรือเป็นนกเงือก และต่อจากนี้ไปจะใช้นกเงือกเป็นสัญลักษณ์เรือยอกองของ อ.สุไหงโก-ลก เพราะนกเงือกเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่มั่นคง และยั่งยืน ซึ่งสื่อให้เห็นถึงความรัก ความสามัคคีของประชาชนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก และทีมเรือจากประเทศมาเลเซีย จำนวน 7 ทีม มีการแข่งขันปิดตาพายเรือ การประกวดเรือสวยงาม การแข่งขันมวยทะเลซึ่งเป็นครั้งแรกของ อ.สุไหงโก-ลก ที่จัดการแข่งขันในแม่น้ำจริงๆ และการแสดงหนังตะลุงที่เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนในพื้นที่
โอกาสนี้ ประธานการจัดการแข่งขัน เรือยอกองสานสัมพันธ์ไทย-มาเลย์ ได้เชิญชวนประชาชนจากทั้ง 2 ประเทศเข้าร่วมชม และให้กำลังใจทีมเรือที่เข้าทำการแข่งขัน ซึ่งไม่เพียงจะเห็นการเเข่งขันเรือที่ตื่นตาตื่นใจจากกิจกรรมที่มีอย่างหลากหลายรูปแบบแล้ว แต่ทุกท่านจะได้สัมผัสถึงมิตรภาพจากความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของพี่น้องประชาชนคนไทย และชาวมาเลเซียที่ยู่ริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ซึ่งผูกพันกันอยู่ในทุกตารางนิ้วที่มีแม่น้ำโก-ลก สายน้ำแห่งชีวิตเชื่อมต่อถึงกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดด้วย
