นครศรีธรรมราช - ปิดประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ทุกบาน หลังระดับน้ำทะเลสูงกว่าระดับน้ำจืด เพื่อป้องกันการรุกล้ำของน้ำเค็ม ขณะที่ข้าวนาปีกว่า 8 หมื่นไร่ ยังต้องการใช้น้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าว ภาคประชาชนหลายส่วนร่วมกันทำฝายมีชีวิต โครงการอีโคเบส กักน้ำในคลองท่าน้ำดี
วันนี้ (10 มี.ค.) สถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ในส่วนของพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังตอนล่างระดับน้ำในลำคลองต่างๆ ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 30 เซนติเมตร นายยรรยง โกศลกาญจน์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงสั่งการใหมีการปิดประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ทุกบานที่ไหลออกสู่ทะเล เพื่อป้องกันการรุกล้ำของน้ำเค็มเข้ามายังพื้นที่น้ำจืด ซึ่งพบว่าหลังจากปิดประตูน้ำแล้วระดับน้ำทะเลมีระดับสูงกว่าระดับน้ำจืดอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะที่การปลูกข้าวนาปีบางส่วนที่เพาะปลูกหลังน้ำลดประมาณ 80,000 ไร่ ยังต้องการใช้น้ำในการหล่อเลี้ยงต้นข้าว ส่วนผู้ที่เก็บเกี่ยวข้าวแล้วขอความร่วมมือเกษตรกรให้หลีกเลี่ยงการปลูกข้าวนาปรัง แต่ให้ไปปลูกพืชอื่นที่ใช้น้ำน้อยแทนจะได้ผลดีกว่า
ขณะที่ภาคประชาชนหลายส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ภาครัฐ ภาคประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าร่วมทำฝายมีชีวิต เป็นหนึ่งในโครงการอีโคเบส โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ เข้าร่วมกันสร้างฝายด้วยการทำพิธีวางศิลาฤกษ์ และเริ่มใช้วัสดุในท้องถิ่น เช่น ไม้ไผ่ เข้าตอกเป็นแกนในการสร้างฝาย เพื่อกักเก็บน้ำในลำคลองท่าดี ต้นน้ำคีรีวงศ์ อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการเป็นชั้นๆ ตลอดแนวความลาดชัน เพื่อรักษาระดับ และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่จำเป็นต้องใช้น้ำบริเวณตอนล่างของสายน้ำ รวมทั้งการผลิตประปาของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งขณะนี้พบว่ามีภาวการณ์แล้งที่เข้าสู่วิกฤตในหลายจุด