พิจิตร - ชลประทานยันภัยแล้งคุกคามหนัก แม่น้ำยมแห้งขอด แม่น้ำน่านลดฮวบ แนะห้ามทำนาปรังรอบสอง ไม่เชื่อเดือดร้อนแน่
นายสมยศ แสงมณี ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งของจังหวัดพิจิตรว่า ขณะนี้พื้นที่ทำนาในลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านกำลังประสบกับปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก เนื่องจากแม่น้ำยมมีสภาพแห้งขอด ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำน่านก็ลดลงอย่างน่าตกใจ
ดังนั้นจึงขอประกาศให้ชาวนาทั้งในและนอกพื้นที่ชลประทานขอให้หยุดทำนาปรังรอบสอง เพราะต่อไปนี้จะไม่มีการผันน้ำไปเพื่อทำการเกษตรอีกแล้ว
ส่วนพื้นที่ทำนาที่อาศัยการสูบน้ำด้วยพลังงานไฟฟ้าสูบน้ำจากแม่น้ำน่านไปยังคลองซอยและคลองสาขานั้น ขณะนี้ต้นข้าวที่ปลูกอยู่ในฤดูกาลนาปรังรอบแรกประมาณ 2 แสนไร่ อายุต้นข้าวประมาณ 60 วัน จึงต้องการน้ำหลังจากนี้อีกเพียง 15-20 วัน
ดังนั้นจึงเป็นสถานการณ์คาบลูกคาบดอก ชลประทานพิจิตรจะยอมช่วยเหลือให้ได้ผลผลิตเพื่อให้ได้เก็บเกี่ยว แต่หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังรุ่นนี้ไปแล้ว ถ้าจะทำนาปรังรอบสองชาวนาต้องมีบ่อน้ำหรือมีบ่อน้ำบาดาลเป็นของตนเอง จะมาหวังพึ่งน้ำจากชลประทานไม่ได้อีกแล้ว เพราะปีนี้สถานการณ์ภัยแล้งส่อเค้ารุนแรงจะแล้งหนักและแล้งนานอีกด้วย
นายสมยศกล่าวอีกว่า น้ำในแม่น้ำน่านที่รับมาจากเขื่อนสิริกิติ์จังหวัดอุตรดิตถ์ขณะนี้มีปริมาณลดลงต่ำกว่าตลิ่งมาก ดังนั้นจึงต้องเก็บมวลน้ำก้อนนี้ไว้เพื่อรักษาระบบนิเวศและเก็บเอาไว้เพื่อเป็นน้ำอุปโภค-บริโภค หากเอาไปทำการเกษตรก็จะทำให้ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ในอนาคตได้
อีกทั้งขณะนี้ระดับน้ำทะเลขึ้นสูง ทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาเกิดสภาพมีน้ำเค็มหนุนสูง จึงทำให้ต้องใช้น้ำจากแม่น้ำน่านไปดันน้ำทะเลเพื่อแก้วิกฤตให้กับลุ่มน้ำเจ้าพระยาและชาวกรุงเทพฯ เพื่อให้สามารถนำน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามาทำเป็นน้ำประปาต่อไป
ส่วนสถานการณ์ของแม่น้ำยมนั้นไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำยมแล้ว เพราะมีสภาพแห้งขอดตลอดสายจนเด็กๆ สามารถลงไปเตะฟุตบอลได้แล้ว อีกทั้งน้ำที่เคยได้รับมาจากแม่น้ำปิงจังหวัดกำแพงเพชรที่ผันน้ำเข้ามาทางคลองห้วยใหญ่รับน้ำปิงผ่านชลประทานท่อทองแดง คลองหนองคล้ารังนก-คลองดงเสือเหลือไผ่รับน้ำปิงผ่านชลประทานวังบัว คลองห้วยแก้วท้ายน้ำรับน้ำปิงผ่านชลประทานวังยาง
ขณะนี้ก็ไม่มีการปล่อยน้ำมาอีกแล้ว จึงทำให้ไม่เหมาะแก่การที่จะทำนาปรังในรอบสอง ซึ่งเกษตรกรจะต้องยอมรับสภาพความจริงที่กำลังเกิดภัยแล้งอยู่ในขณะนี้
