ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - บรรยากาศรับสมัคร ส.ว.ทั่วพื้นที่ภาคใต้ 2 วันแรก น่าแปลก! บางจังหวัด “คึกคัก” มีแฟนคลับแห่ให้กำลังใจ บางจังหวัด “เงียบเหงา” โผล่ผู้สมัครเพียง 1 ราย พบทุกพื้นที่ไร้วี่แววมวลชน กปปส.ต้าน ฝ่าย กกต.ทุกจังหวัดประกาศมั่นใจจัดเลือกตั้งผ่านฉลุยไร้ปัญหา รวม 2 วันมีผู้สมัครทั้งภาค 29 คน
วันนี้ (5 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรวบรวมบรรยากาศการเปิดรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ว.) ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ปรากฏว่า ในบางพื้นที่การสมัครเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้มาสมัครเป็นจำนวนมาก ประกอบกับมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจอย่างล้นหลาม ทั้งที่ในขณะนี้ประเทศกำลังประสบปัญหาทางการเมือง และการขัดขวางการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยกลุ่ม กปปส.ในวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา
ซึ่งบรรดาจังหวัดที่การรับสมัครเป็นไปอย่างมีสีสัน ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, สตูล, กระบี่, ยะลา, ภูเก็ต, ตรัง, ระนอง ส่วนจังหวัดที่บรรยากาศการรับสมัครเป็นไปอย่างเงียบเหงา ประกอบด้วย พัทลุง ปัตตานี สงขลา พังงา นราธิวาส และชุมพร ทั้งนี้ การเปิดรับสมัคร ส.ว.เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.(เมื่อวาน) จนถึงวันที่ 8 มี.ค.รวมทั้งสิ้น 5 วัน ซึ่งหลังจากเปิดรับสมัครมาเป็นระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมาแล้ว ทั่วทั้งพื้นที่ภาคใต้มีผู้สมัครรวมจำนวนทั้งสิ้น 29 คน โดยจังหวัดภูเก็ต มีจำนวนผู้สมัครมากที่สุดถึง 6 คน ส่วนจังหวัดที่มีผู้สมัครน้อยที่สุดคือ จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดพังงา มีผู้สมัครเพียงแค่ 1 คนเท่านั้น
ทั้งนี้ บรรยากาศการเปิดรับสมัครในทุกจังหวัดเป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่มีกลุ่มมวลชน กปปส.เข้ามาขัดขวางการรับสมัครการเลือกตั้งแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ กกต.ในทุกจังหวัดต่างพูดไปในทิศทางเดียวกันว่า บรรยากาศการรับสมัคร ส.ว.ในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีความรุนแรงและการต่อต้าน จึงทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความสะดวก ไม่เหมือนกับการเปิดรับสมัคร ส.ส.ที่ผ่านมา
ซึ่งผู้สื่อข่าวได้รวบรวมผู้สมัครที่มีประวัติน่าสนใจมาให้ทุกท่านได้ติดตาม 2 ท่านคือ 1.นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผู้สมัคร ส.ว.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในอดีตดำรงตำแหน่นงผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง 2.พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผู้สมัคร ส.ว.จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีประวัติเป็นมือปราบชื่อดัง อดีต ผกก.สภ.ทุ่งสง ที่ถูกคำสั่งย้ายไปเป็น ผกก.วิเคราะห์ข่าว บช.ภ.8 เหตุจากถูกมองว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาการชุมนุมปิดล้อมที่ทำการไปรษณีย์ทุ่งสงได้ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า ถูกการเมืองสั่งย้าย ภายหลังจึงได้ลาออกจากราชการ และหันมาลงสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา
