ผบช.น.ตั้งค่าหัว 5 แสน คนชี้แบะแสจนนำไปสู่การจับกุมมือปาระเบิดใส่เวที กปปส.อนุสาวรีย์ชัยฯ-ถ.บรรทัดทอง เตือนหากไม่รีบจับตัว อาจถูกฆ่าตัดตอน ปฏิเสธไม่ใช่ทหารหน่วยซีล
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช. น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พ.ต.อ.อุทัย กวินเดชาธร รรท.ผกก.สส.บก.น.1 ร่วมกันประชุมคลี่คลายคดีกรณีคนร้ายลอบปาระเบิดใส่ หลังเวทีผู้ชุมนุม กปปส.ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการเร่งรัดคดีที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างการชุมนุมทั้งหมด แต่ที่ต้องเร่งรัดในขณะนี้คือคดีที่คนร้ายลอบปาระเบิดใส่เวทีกปปส.ที่อนุสาวรีย์ฯ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก และได้ขออำนาจศาลออกหมายจับบุคคลตามภาพวงจรปิดเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังระดมชุดสืบสวนทั้งหมด ทั้ง บก.สส.บช.น.และโรงพัก พร้อมทั้งมอบหมายให้รอง ผบช.น.ดูแลคดีอย่างใกล้ชิด
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้จากพยานหลักฐานมีความชัดเจน ว่าคนร้ายที่ได้ทำการออกหมายจับนั้น เป็นผู้ที่ก่อเหตุขว้างระเบิดใส่ผู้ชุมนุมจริงที่ เวทีอนุสาวรีย์ชัยฯจริง โดยล่าสุดชุดสืบสวนพบเสื้อและหมวกที่คนร้ายใส่ ถูกนำไปทิ้งไว้ภายในซอยวัดรวกบางบำหรุ ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนหาเบาะแสและติดตาม จับกุมตัวมาดำเนินคดี ทั้งนี้หากใครสามารถชี้เบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนนำไปสู่การจับกุมได้ทั้งคดีที่ถนนบรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ชัยฯนั้น จะมีรางวัลให้คดีละ 5 แสนบาท ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน เพื่อเอาความจริงออกมาให้ได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างๆ นั้น เกิดจากอะไรกันแน่ อย่างไรก็ตามขอฝากเตือนผู้ที่ก่อเหตุที่ถูกออกหมายจับว่า ให้รีบเข้ามอบตัว เพราะชีวิตอาจจะไม่ปลอดภัย
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เป็นการเกิดเหตุตอนกลางวัน ถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก ซึ่งจะต้องหามาตรการป้องกันให้เข้มงวดมากขึ้นต่อไป แต่ในส่วนของการป้องกันช่วงกลางคืน หลัง 3 ทุ่มเป็นต้นไปตำรวจมีการตั้งด่านตรวจเข้มแข็ง และมีด่านตรวจร่วมระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุม อยากขอความร่วมมือไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมให้เข้ามาหารือในการวางแผนป้องกันเหตุร่วมกัน เพื่อไม่ให้มีพี่น้องประชาชนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตอีก
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ส่วนเหตุการณ์ที่ถนนบรรทัดทองนั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีความเชื่องโยงกับเหตุที่อนุสาวรีย์ชัยฯหรือไม่ เนื่องจากเหตุการณ์เกิดในช่วงใกล้เคียงกัน และจากการตรวจสอบของอีโอดีก็พบว่า ระเบิดที่ใช้เป็นชนิดเดียวกัน ต้องขอเวลาตรวจสอบสักระยะ ซึ่งระเบิดดังกล่าวยืนยันว่า ไม่มีการใช้ในหน่วยงานราชการตำรวจหรือทหาร และกระแสข่าวที่ระบุว่า คนร้ายที่ปาระเบิดใส่เวที กปปส.อนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นทหารหน่วยซีลก็ไม่ใช่ความจริง อีกทั้งกรณีการจับกุมผู้ต้องหา ที่พกพาอาวุธในพื้นที่ สน.บางนา ซึ่งมีระเบิดชนิดอาร์จีดี 5 รวมอยู่ด้วยนั่น กำลังสืบสวนขยายผลอยู่เช่นกันว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่