ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถ บช.น.แถลงผลจับกุมแก๊งโจรกรรมรถปิกอัพ ยึดของกลาง 3 คัน ผู้ต้องหารับสารภาพได้รับการว่าจ้างเป็นเพียงผ้ขับขี่เพื่อไปส่งให้ลูกค้าที่ จ.นครพนม ก่อนส่งไปขายต่อในลาว เผยรถทุกคันถูกสวมทะเบียนปลอม
วันนี้ (26 ก.พ.) พ.ต.อ.อรรถพร สุริยเลิศ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือแพทย์ หน.ชุดปฏิบัติการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถ บช.น. หรือ ศปจร.น.พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมศักดิ์ บุญรักษา สว.สส.2 ร.ต.อ.นพรัตน์ บุญถนอม ร.ต.ท.ธนภัทร กำลังเเรง และเจ้าหน้าที่ ศปจร.น.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายวสุธัญ พลสิงห์ อายุ 42 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี พร้อมของกลางรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีปรอนซ์ทอง ทะเบียนป้ายแดง ช 0459 กรุงเทพมหานคร, รถกระบะมาสด้า รุ่นบีที สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ม 6601 กรุงเทพมหานคร, กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ธ 0998 กรุงเทพมหานคร, กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ฆฬ 569 กรุงเทพมหานคร และเอกสารประกอบตัวรถ และแผ่นเพลตรถยนต์อีกหลายรายการ
พ.ต.อ.อรรถพรกล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2556 ได้มีแก๊งคนร้ายเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินบ้านของนางปราณี ทรายแก้ว ในพื้นที่ สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาได้ยกเปิดเซฟรื้อค้นเอาทรัพย์สินไปทั้งหมด 38 รายการ มูลค่าประมาณ 2 ล้าน 5 แสนบาท โดยหนึ่งในทรัพย์สินนั้นมีรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนป้ายแดง ช 0459 กรุงเทพมหานครด้วย ต่อมาชุด ศปจร.น.ได้จับกุมนายวสุธัญ ขณะขับรถยนต์คันดังกล่าวอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.ใกล้ ม.กรุงเทพ ถ.พหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางเอกสารราชการของรถป้ายแดง ตรวจสอบที่รถมีการแก้ไขเลขตัวรถ และแผ่นเพลตปลอม
ด้านนายวสุธัญให้การว่ากำลังขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวไปให้นายน้อย ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ที่ จ.นครพนม เพื่อส่งออกไปขายให้ลูกค้าในประเทศลาว ราคาคันละประมาณ 500,000-600,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพของรถยนต์แต่ละคัน โดยตนเป็นเพียงคนรับจ้างขับรถนำไปส่งให้นายน้อยที่จังหวัดนครพนมอีกต่อหนึ่งเท่านั้น รับค่าจ้างคันละ 8,000 บาท ส่วนรถยนต์นั้นเป็นของเสี่ยบอยพระราม 5 ซึ่งมี น.ส.ปลาย ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง เป็นนายหน้าหาตุ๊กตามาเช่าซื้อรถยนต์มาขายในราคาคันละ 180,000 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปจร.น.จึงได้สืบสวนขยายผลจนสามารถยึดรถยนต์ได้อีกจำนวน 3 คันจากเสี่ยบอย หรือบอย พระราม 5 อีกจำนวน 3 คัน ตามรายการดังกล่าว เอกสารประกอบตัวรถและแผ่นเพลตรถยนต์อีกจำนวนหลายรายการ โดยรถยนต์ทุกคันที่ได้จากการตรวจยึดนั้นติดแผ่นป้ายทะเบียนป้ายแดงเกือบทั้งหมด ซึ่งความจริงแล้วรถยนต์ที่ตรวจยึดนั้นได้จดทะเบียนมีป้ายทะเบียนที่แท้จริงแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปจร.น.จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของรถยนต์ทุกคัน เพราะต้องสงสัยว่าเป็นรถยนต์ที่อยู่ในระหว่างการรอการเปลี่ยนแปลงเลขตัวรถ เลขเครื่อง และแผ่นเพลต เพื่อนำมาสวมทะเบียนกับซากรถยนต์ หรือเป้าหมาย เพื่อส่งออกขายในประเทศลาวต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม พร้อมนำตัวนายวสุธัญ พร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ดำเนินการตามกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป