ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กระทรวงเกษตรฯ รับเป็นเจ้าภาพร่วมเม็กซิโก จัดประชุมผักและผลไม้สด ย้ำความเชื่อมั่นสินค้าเกษตรไทยในระดับสากล หนุนทุเรียน-กระเจี๊ยบเขียว ในเวทีประชุมฯ เพิ่มโอกาสสู่ตลาดโลก
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (24 ก.พ.) ที่โรงแรม Mövenpick Resort & Spa Karon Beach Phuket ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางจิรวรรณ แย้มประยูร รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการประชุมคณะกรรมการโคเด็กซ์ สาขาผักและผลไม้สด (Codex Committee on Fresh Fruits and Vetgetables : CCFFV) ครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2557 โดยมีผู้แทนจากประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิกของ Codex จากทุกภูมิภาคทั่วโลก จำนวน 43 ประเทศ รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศ และองค์กรอิสระต่างๆ กว่า 100 คน เข้าร่วม
นางจิรวรรณ กล่าวว่า ประเทศไทย โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับเกียรติจากโครงการมาตรฐานอาหาร ภายใต้ความร่วมมือระหว่างองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ และองค์การอนามัยโลก (Joint FAO/WHO Food Standards Programme : Codex) และประเทศเม็กซิโกให้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการ ณ จังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ ได้มอบให้สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการจัดประชุมดังกล่าว
ซึ่งที่ผ่านมาการนี้จัดขึ้นที่ประเทศเม็กซิโกมาโดยตลอด นับว่าเป็นโอกาสดีที่ในปีนี้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดประชุม และคาดว่ามีผู้เข้าร่วมประชุมจากนานาประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากข้อได้เปรียบสำหรับระยะทางในการมาเข้าร่วมประชุม และประเทศที่เป็นผู้ผลิตผักและผลไม้ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศในแถบอาเซียนด้วย และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคณะผู้แทนไทย และผู้สังเกตการณ์จะมีโอกาสเข้าร่วมประชุมด้วย โดยมีผู้แทนหน่วยงาน The General Bureau of Standards of the Maxican Ministry of Economy (DGN) ประเทศเม็กซิโก ทำหน้าที่ประธานการประชุม และผู้แทนไทยเป็นประธานร่วม
วัตถุประสงค์หลักเพื่อภาครัฐ และเอกชนร่วมให้ข้อคิดเห็น และร่วมผักดันมาตรฐานทุเรียน รวมถึงก่อให้เกิดความร่วมมืออันดีระหว่างประเทศไทย และประเทศเม็กซิโก โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยของสินค้าเกษตรด้านผัก และไม้สดและเพื่อประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วย ในการประชุมครั้งนี้จะมีการพิจารณาเรื่องที่มีความสำคัญจำนวน 6 เรื่อง ได้แก่ มาตรฐานทุเรียน เสาวรสสีทอง กระเจี๊ยบเขียว การทบทวนข้อกำหนดข้อกำหนดขั้นต่ำของมาตรฐานองุ่น ทบทวนเอกสารขอบเขตการทำงานของคณะกรรมโคเด็กซ์สาขาผักและผลไม้สด และทบทวนรูปแบบของโครงสร้างของมาตรฐานผักและผลไม้สด และพิจารณางานใหม่ จำนวน 4 เรื่อง ได้แก่ การจัดทำร่างมาตรฐานมันฝรั่ง กีวี กระเทียม และมะเขือ
“ซึ่งผักและผลไม้สดที่อยู่ในวาระการพิจารณาครั้งนี้คือ ทุเรียน และกระเจี๊ยบเขียว ซึ่งผักทั้ง 2 ชนิดมีความสำคัญทางเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทย โดยทุเรียนถือได้ว่าไทยเป็นผู้ผลิต และส่งออกรายใหญ่ของโลก โดยส่งออกในรูปทุเรียนสดประมาณร้อยละ 90 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2556 มีประมาณการส่งออกทุเรียนสด 368,600 ตัน คิดเป็นมูลค่า 7,045 ล้านบาท ตลาดหลักสำคัญคือ สาธารณรัฐประชาชนจีน
ส่วนกระเจี๊ยบเขียว เป็นผักส่งออกที่สำคัญของไทยเช่นกัน ในแต่ละปีทำรายได้มากกว่า 200 ล้านบาท ส่งออกทั้งในรูปผักสด และแช่แข็ง ตลาดส่งออกที่สำคัญคือ ประเทศญี่ปุ่น สำหรับองุ่นบริโภคสดที่จะมีการพิจารณาปรับข้อกำหนดขั้นต่ำสำหรับความแก่ขององุ่นนั้น ประเทศไทยเองนับว่าเป็นผู้นำเข้าที่สำคัญ ในปี 2556 มีประมาณการนำเข้าถึง 83,507.01 ตัน คิดเป็นมูลค่า 3,442.66 ล้านบาท การปรับข้อกำหนดดังกล่าวนี้จะทำให้องุ่นสำหรับการบริโภคสดมีคุณภาพดีขึ้น เช่น ความหวานเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีแก่ผู้บริโภคของไทย” นางนางจิรวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพการประชุม จะได้มีการผลักดันมาตรฐานเรื่องทุเรียน ซึ่งประเทศได้เสนอร่างมานานนับสิบปี และในปี 2555 คณะกรรมการโคเด็กซ์สาขาผักและผลไม้สดได้มอบหมายให้ไทยเป็นปรานคณะทำงาน และรับร่างมาตรฐาน หากเสียงสนับสนุนให้ร่างมาตรฐานได้รับการรับรอง ประเทศไทยจะได้ผลักดันในคณะกรรมาธิการโคเด็กซ์รับรอง และประกาศใช้เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศต่อไป
สำหรับมาตรฐานในเรื่องอื่นๆ ที่จะมีการพิจารณา เช่น เสาวรสสีทอง การทบทวนเอกสารขอบเขตการทำงานของคณะกรรมโคเด็กซ์สาขาผักและผลไม้สด การทบทวนรูปแบบของโครงสร้างของมาตรฐานผักและผลไม้สด และมาตรฐานที่จะจัดทำขึ้นใหม่อีก 4 เรื่องนั้น มกอช.จัดเตรียมการอย่างเข้มข้นโดยได้มีการจัดเตรียมข้อมูล และขอความเห็นจากภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างหลากหลาย เพื่อให้มาตรฐานที่จัดทำขึ้นอยู่ในแนวทางที่ไทยสามารถปฏิบัติได้
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการประชุมได้มีการจัดแสดงนิทรรศการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและอาหาร และเครื่องหมายรับรองคุณภาพ (Q Mark) การแสดงแกะสลักผักและผลไม้ไทย และการให้ผู้เข้าร่วมประชุมชิมผลไม้ตามฤดูกาลอีกด้วย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (24 ก.พ.) ที่โรงแรม Mövenpick Resort & Spa Karon Beach Phuket ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางจิรวรรณ แย้มประยูร รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการประชุมคณะกรรมการโคเด็กซ์ สาขาผักและผลไม้สด (Codex Committee on Fresh Fruits and Vetgetables : CCFFV) ครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2557 โดยมีผู้แทนจากประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิกของ Codex จากทุกภูมิภาคทั่วโลก จำนวน 43 ประเทศ รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศ และองค์กรอิสระต่างๆ กว่า 100 คน เข้าร่วม
นางจิรวรรณ กล่าวว่า ประเทศไทย โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับเกียรติจากโครงการมาตรฐานอาหาร ภายใต้ความร่วมมือระหว่างองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ และองค์การอนามัยโลก (Joint FAO/WHO Food Standards Programme : Codex) และประเทศเม็กซิโกให้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการ ณ จังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ ได้มอบให้สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการจัดประชุมดังกล่าว
ซึ่งที่ผ่านมาการนี้จัดขึ้นที่ประเทศเม็กซิโกมาโดยตลอด นับว่าเป็นโอกาสดีที่ในปีนี้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดประชุม และคาดว่ามีผู้เข้าร่วมประชุมจากนานาประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากข้อได้เปรียบสำหรับระยะทางในการมาเข้าร่วมประชุม และประเทศที่เป็นผู้ผลิตผักและผลไม้ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศในแถบอาเซียนด้วย และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคณะผู้แทนไทย และผู้สังเกตการณ์จะมีโอกาสเข้าร่วมประชุมด้วย โดยมีผู้แทนหน่วยงาน The General Bureau of Standards of the Maxican Ministry of Economy (DGN) ประเทศเม็กซิโก ทำหน้าที่ประธานการประชุม และผู้แทนไทยเป็นประธานร่วม
วัตถุประสงค์หลักเพื่อภาครัฐ และเอกชนร่วมให้ข้อคิดเห็น และร่วมผักดันมาตรฐานทุเรียน รวมถึงก่อให้เกิดความร่วมมืออันดีระหว่างประเทศไทย และประเทศเม็กซิโก โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยของสินค้าเกษตรด้านผัก และไม้สดและเพื่อประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วย ในการประชุมครั้งนี้จะมีการพิจารณาเรื่องที่มีความสำคัญจำนวน 6 เรื่อง ได้แก่ มาตรฐานทุเรียน เสาวรสสีทอง กระเจี๊ยบเขียว การทบทวนข้อกำหนดข้อกำหนดขั้นต่ำของมาตรฐานองุ่น ทบทวนเอกสารขอบเขตการทำงานของคณะกรรมโคเด็กซ์สาขาผักและผลไม้สด และทบทวนรูปแบบของโครงสร้างของมาตรฐานผักและผลไม้สด และพิจารณางานใหม่ จำนวน 4 เรื่อง ได้แก่ การจัดทำร่างมาตรฐานมันฝรั่ง กีวี กระเทียม และมะเขือ
“ซึ่งผักและผลไม้สดที่อยู่ในวาระการพิจารณาครั้งนี้คือ ทุเรียน และกระเจี๊ยบเขียว ซึ่งผักทั้ง 2 ชนิดมีความสำคัญทางเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทย โดยทุเรียนถือได้ว่าไทยเป็นผู้ผลิต และส่งออกรายใหญ่ของโลก โดยส่งออกในรูปทุเรียนสดประมาณร้อยละ 90 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2556 มีประมาณการส่งออกทุเรียนสด 368,600 ตัน คิดเป็นมูลค่า 7,045 ล้านบาท ตลาดหลักสำคัญคือ สาธารณรัฐประชาชนจีน
ส่วนกระเจี๊ยบเขียว เป็นผักส่งออกที่สำคัญของไทยเช่นกัน ในแต่ละปีทำรายได้มากกว่า 200 ล้านบาท ส่งออกทั้งในรูปผักสด และแช่แข็ง ตลาดส่งออกที่สำคัญคือ ประเทศญี่ปุ่น สำหรับองุ่นบริโภคสดที่จะมีการพิจารณาปรับข้อกำหนดขั้นต่ำสำหรับความแก่ขององุ่นนั้น ประเทศไทยเองนับว่าเป็นผู้นำเข้าที่สำคัญ ในปี 2556 มีประมาณการนำเข้าถึง 83,507.01 ตัน คิดเป็นมูลค่า 3,442.66 ล้านบาท การปรับข้อกำหนดดังกล่าวนี้จะทำให้องุ่นสำหรับการบริโภคสดมีคุณภาพดีขึ้น เช่น ความหวานเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีแก่ผู้บริโภคของไทย” นางนางจิรวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพการประชุม จะได้มีการผลักดันมาตรฐานเรื่องทุเรียน ซึ่งประเทศได้เสนอร่างมานานนับสิบปี และในปี 2555 คณะกรรมการโคเด็กซ์สาขาผักและผลไม้สดได้มอบหมายให้ไทยเป็นปรานคณะทำงาน และรับร่างมาตรฐาน หากเสียงสนับสนุนให้ร่างมาตรฐานได้รับการรับรอง ประเทศไทยจะได้ผลักดันในคณะกรรมาธิการโคเด็กซ์รับรอง และประกาศใช้เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศต่อไป
สำหรับมาตรฐานในเรื่องอื่นๆ ที่จะมีการพิจารณา เช่น เสาวรสสีทอง การทบทวนเอกสารขอบเขตการทำงานของคณะกรรมโคเด็กซ์สาขาผักและผลไม้สด การทบทวนรูปแบบของโครงสร้างของมาตรฐานผักและผลไม้สด และมาตรฐานที่จะจัดทำขึ้นใหม่อีก 4 เรื่องนั้น มกอช.จัดเตรียมการอย่างเข้มข้นโดยได้มีการจัดเตรียมข้อมูล และขอความเห็นจากภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างหลากหลาย เพื่อให้มาตรฐานที่จัดทำขึ้นอยู่ในแนวทางที่ไทยสามารถปฏิบัติได้
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการประชุมได้มีการจัดแสดงนิทรรศการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและอาหาร และเครื่องหมายรับรองคุณภาพ (Q Mark) การแสดงแกะสลักผักและผลไม้ไทย และการให้ผู้เข้าร่วมประชุมชิมผลไม้ตามฤดูกาลอีกด้วย
