นครศรีธรรมราช - จังหวัดนครศรีธรรมราช เตรียมเสนอของบพัฒนาจังหวัดกว่า 300 ล้านบาท พัฒนาศักยภาพเกษตรกร ภายใต้ยุทธศาสตร์ “นครเกษตรคุณภาพ เกษตรสุขภาพ เกษตรนวัตกรรม” เตรียมความพร้อมการเข้าสู่ AEC หลังสำรวจความต้องการของเกษตรกรทั้งสิ้น 15 โครงการ เพื่อต้องการพัฒนาอาชีพเกษตรให้ยั่งยืน
วันนี้ (10 ก.พ.) นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานแผนพัฒนาจังหวัด ด้านการบริหารจัดการทางการเกษตรนครศรีธรรมราช ว่า ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด “นครแห่งการเรียนรู้ เกษตร ท่องเที่ยว น่าอยู่ ชุมชนเข็มแข็ง” โดยมีแผนบริหารจัดการภาคการเกษตรให้มีมาตรฐานระดับสากล ยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตร พัฒนาศักยภาพเกษตรกร สร้างคน สร้างอาชีพ สร้างเศรษฐกิจ รวมทั้งพัฒนาระบบการเกษตรให้มีศักยภาพทางการพาณิชย์ที่มีมาตรฐาน ซึ่งโครงการแผนงานดังกล่าวจะทำให้เกษตรกรมีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้เพิ่มขึ้น พึ่งพาตนเองได้
นอกจากนี้ โครงการต่างๆ ยังได้น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประยุกต์ใช้กับการเกษตร เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนของเกษตรกร จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการประชุม ประชาคมรับฟังความคิดเห็น ความต้องการของเกษตรกรในทุกสาขาอาชีพ เพื่อนำความต้องการของเกษตรกรมาบรรจุเป็นแผนพัฒนาจังหวัด ในปี 2558-2560 เพื่อกำหนดนโยบายพัฒนาภายใต้ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการเกษตรแบบครบวงจร โดยมุ่งหวังให้นครเป็นเมืองเกษตรคุณภาพ เกษตรสุขภาพ เกษตรนวัตกรรม
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า ผลสำรวจความต้องการของเกษตรกร ปรากฏว่า เกษตรกรมีความต้องการพัฒนาอาชีพเกษตรให้มีความยั่งยืนมั่นคง จำนวนทั้งสิ้น 15 โครงการ ภายใต้งบประมาณ จำนวน 363,936,860 บาท เช่น โครงการสร้างความมั่นคงทางอาหาร และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าทางการเกษตร เช่น กิจกรรมส่งเสริมการเลี้ยงแพะเนื้อ โคเนื้อ ไก่ศรีวิชัย เป็ดร่อนพิบูลย์ เพื่อส่งออก กิจกรรมพัฒนาศักยภาพเพิ่มผลิตข้าวพื้นเมืองเพื่อสุขภาพตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงแบบครบวงจร โครงการพัฒนาเกษตรกรมืออาชีพ เช่น กิจกรรมพัฒนาเกษตรกรเพื่อการแข่งขันใน AEC กิจกรรมเชื่อมโยงขยายตลาดสร้างพันธมิตรทางธุรกิจภายใน และต่างประเทศรองรับ AEC กิจกรรมพัฒนานวัตกรรมกระบวนการผลิต การเก็บเกี่ยว การรักษา การแปรรูปสินค้า การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และกิจกรรมส่งเสริมผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยด้วยระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น
ขณะนี้จังหวัดได้กำหนดโครงการเร่งด่วนเพื่อช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนา กระดูกสันหลังของชาติ โดยกำหนดโครงการยกระดับพัฒนาอาชีพชาวนามืออาชีพแบบครบวงจร มีแผนพัฒนาเริ่มจากการพัฒนาคุณภาพดินที่ปลูกข้าวให้มีคุณภาพเหมาะสมกับการปลูกข้าว การพัฒนาระบบชลประทาน ให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาผลผลิตข้าว การลดต้นทุนการปลูกข้าว การแปรรูปข้าว
นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้เกษตรกรใช้พื้นที่ว่างบริเวณคันนาปลูกพืช ผัก เลี้ยงสัตว์เป็นรายได้เสริม และนำเศษวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในนาข้าว เช่น ฟางข้าว มาแปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป ซึ่งโครงการต่างๆ เป็นความต้องการของเกษตรกรอย่างแท้จริง สามารถสร้างเม็ดเงิน รายได้เพิ่มขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนของเกษตรกร นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะพัฒนายางพารา ปาล์มน้ำมัน ให้เป็นระบบครบวงจรเช่นเดียวกับข้าวต่อไป
นายศิริพัฒ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเกษตรกรประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ สินค้าไม่มีคุณภาพ และต้นทุนการผลิตที่สูง ส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมา ได้เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง หลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะบูรณาการทำงานร่วมกัน คาดว่าหลังจากดำเนินการโครงการต่างๆ เรียบร้อยแล้ว จะสามารถสร้างภาพลักษณ์ผลผลิตสินค้าทางการเกษตรของนครศรีธรรมราชให้ดีขึ้น คุณภาพสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นที่ยอมรับ ทั้งตลาดภายในประเทศ และตลาดต่างประเทศ ที่สำคัญทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น คุณภาพชีวิตของเกษตรกรยั่งยืนมั่นคงมากขึ้น
วันนี้ (10 ก.พ.) นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานแผนพัฒนาจังหวัด ด้านการบริหารจัดการทางการเกษตรนครศรีธรรมราช ว่า ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด “นครแห่งการเรียนรู้ เกษตร ท่องเที่ยว น่าอยู่ ชุมชนเข็มแข็ง” โดยมีแผนบริหารจัดการภาคการเกษตรให้มีมาตรฐานระดับสากล ยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตร พัฒนาศักยภาพเกษตรกร สร้างคน สร้างอาชีพ สร้างเศรษฐกิจ รวมทั้งพัฒนาระบบการเกษตรให้มีศักยภาพทางการพาณิชย์ที่มีมาตรฐาน ซึ่งโครงการแผนงานดังกล่าวจะทำให้เกษตรกรมีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้เพิ่มขึ้น พึ่งพาตนเองได้
นอกจากนี้ โครงการต่างๆ ยังได้น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประยุกต์ใช้กับการเกษตร เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนของเกษตรกร จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการประชุม ประชาคมรับฟังความคิดเห็น ความต้องการของเกษตรกรในทุกสาขาอาชีพ เพื่อนำความต้องการของเกษตรกรมาบรรจุเป็นแผนพัฒนาจังหวัด ในปี 2558-2560 เพื่อกำหนดนโยบายพัฒนาภายใต้ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการเกษตรแบบครบวงจร โดยมุ่งหวังให้นครเป็นเมืองเกษตรคุณภาพ เกษตรสุขภาพ เกษตรนวัตกรรม
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า ผลสำรวจความต้องการของเกษตรกร ปรากฏว่า เกษตรกรมีความต้องการพัฒนาอาชีพเกษตรให้มีความยั่งยืนมั่นคง จำนวนทั้งสิ้น 15 โครงการ ภายใต้งบประมาณ จำนวน 363,936,860 บาท เช่น โครงการสร้างความมั่นคงทางอาหาร และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าทางการเกษตร เช่น กิจกรรมส่งเสริมการเลี้ยงแพะเนื้อ โคเนื้อ ไก่ศรีวิชัย เป็ดร่อนพิบูลย์ เพื่อส่งออก กิจกรรมพัฒนาศักยภาพเพิ่มผลิตข้าวพื้นเมืองเพื่อสุขภาพตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงแบบครบวงจร โครงการพัฒนาเกษตรกรมืออาชีพ เช่น กิจกรรมพัฒนาเกษตรกรเพื่อการแข่งขันใน AEC กิจกรรมเชื่อมโยงขยายตลาดสร้างพันธมิตรทางธุรกิจภายใน และต่างประเทศรองรับ AEC กิจกรรมพัฒนานวัตกรรมกระบวนการผลิต การเก็บเกี่ยว การรักษา การแปรรูปสินค้า การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และกิจกรรมส่งเสริมผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยด้วยระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น
ขณะนี้จังหวัดได้กำหนดโครงการเร่งด่วนเพื่อช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนา กระดูกสันหลังของชาติ โดยกำหนดโครงการยกระดับพัฒนาอาชีพชาวนามืออาชีพแบบครบวงจร มีแผนพัฒนาเริ่มจากการพัฒนาคุณภาพดินที่ปลูกข้าวให้มีคุณภาพเหมาะสมกับการปลูกข้าว การพัฒนาระบบชลประทาน ให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาผลผลิตข้าว การลดต้นทุนการปลูกข้าว การแปรรูปข้าว
นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้เกษตรกรใช้พื้นที่ว่างบริเวณคันนาปลูกพืช ผัก เลี้ยงสัตว์เป็นรายได้เสริม และนำเศษวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในนาข้าว เช่น ฟางข้าว มาแปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป ซึ่งโครงการต่างๆ เป็นความต้องการของเกษตรกรอย่างแท้จริง สามารถสร้างเม็ดเงิน รายได้เพิ่มขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนของเกษตรกร นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะพัฒนายางพารา ปาล์มน้ำมัน ให้เป็นระบบครบวงจรเช่นเดียวกับข้าวต่อไป
นายศิริพัฒ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเกษตรกรประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ สินค้าไม่มีคุณภาพ และต้นทุนการผลิตที่สูง ส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมา ได้เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง หลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะบูรณาการทำงานร่วมกัน คาดว่าหลังจากดำเนินการโครงการต่างๆ เรียบร้อยแล้ว จะสามารถสร้างภาพลักษณ์ผลผลิตสินค้าทางการเกษตรของนครศรีธรรมราชให้ดีขึ้น คุณภาพสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นที่ยอมรับ ทั้งตลาดภายในประเทศ และตลาดต่างประเทศ ที่สำคัญทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น คุณภาพชีวิตของเกษตรกรยั่งยืนมั่นคงมากขึ้น
