ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต ชี้แจงกรณีเด็กคลอดก่อนกำหนด พบร่างกายผิดปกติผนังหน้าท้องมีรูโหว่ตั้งแต่กำเนิด (Gastroschisis) เผยเป็นอาการผิดปกติตั้งแต่กำเนิด 30% ไม่สามารถตรวจได้ด้วยการอัลตราซาวนด์ พบได้ 1 ใน 1,000 คน
นพ.เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์วชิระภูเก็ต กล่าวชี้แจงกรณีน้องอันซิน บุตรของ น.ส.พิพิศรา สังข์ทอง อายุ 21 ปี คลอดออกมาร่างกายผิดปกติเนื่องจากมีลำไส้ออกมาอยู่ข้างนอก ว่า จากการการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ก่อนคลอด น.ส.พิพิศรา ได้ฝากครรภ์ครั้งแรก และครั้งเดียวที่คลินิกฝากครรภ์เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2557 แพทย์ตรวจอัลตราซาวนด์พบว่า ตั้งครรภ์ทารกเดียว มีชีวิต และมีศีรษะเป็นส่วนนำ อายุครรภ์ 31 สัปดาห์ กำหนดคลอดวันที่ 17 มีนาคม 2557
แต่เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2557 เวลา 04.00 น. ผู้คลอดมาโรงพยาบาลด้วยอาการมีน้ำคร่ำรั่วก่อนกำหนดคลอด ขณะนั้นอายุครรภ์ได้ 33 สัปดาห์ แพทย์ได้วางแผนการรักษาด้วยการให้นอนพัก ฉีดยาปฏิชีวนะ ฉีดยากระตุ้นให้ปอดทารกมีความแข็งแรงก่อนอย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนคลอด และตรวจติดตามการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์พบว่า เป็นปกติ ยังไม่มีข้อบ่งชี้ให้ตรวจอัลตราซาวนด์ซ้ำในผู้คลอดรายนี้ เนื่องจากได้ตรวจอัลตราซาวนด์มาเมื่อ 10 วันก่อน (17 มกราคม 2557)
ซึ่งเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557 ผู้คลอดได้คลอดบุตรโดยวิธีธรรมชาติ ใช้เวลาเบ่งคลอดเพียง 11 นาที เด็กคลอดง่ายเนื่องจากเด็กตัวเล็ก ได้ทารกเพศหญิงน้ำหนัก 1,900 กรัม สุขภาพแข็งแรงดี แต่มีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด คือ ผนังหน้าท้องมีรูโหว่ และมีลำไส้โผล่ออกมาภายนอก ซึ่งถือว่าเป็นภาวะผิดปกติตั้งแต่กำเนิด ไม่ได้เกิดจากการทำคลอดแต่อย่างใด หลังทารกคลอด ได้แจ้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชกรรม และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารศัลยกรรมมาดู และวางแผนการผ่าตัดทันที
นพ.เจษฎา กล่าวอีกว่า กรณีผนังหน้าท้องโหว่ตั้งแต่กำเนิด (Gastroschisis) พบได้ประมาณ 1 ใน 1,000 การคลอด เกิดจากความผิดปกติในการเชื่อมปิดกั้นของผนังหน้าท้องที่ปิดไม่สนิทตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ร้อยละ 30 ไม่สามารถตรวจพบได้โดยการตรวจอัลตราซาวนด์ ถ้าตรวจพบได้ขณะตั้งครรภ์ก็ต้องส่งไปคลอดในโรงพยาบาลที่มีศัลยแพทย์ที่สามารถทำการผ่าตัดทารกได้หลังคลอด แต่ในผู้ป่วยรายนี้โรงพยาบาลศูนย์วชิระภูเก็ต มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารศัลกรรมที่สามารถทำการผ่าตัดได้ และทารกสามารถคลอดทางช่องคลอดได้
นพ.เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์วชิระภูเก็ต กล่าวชี้แจงกรณีน้องอันซิน บุตรของ น.ส.พิพิศรา สังข์ทอง อายุ 21 ปี คลอดออกมาร่างกายผิดปกติเนื่องจากมีลำไส้ออกมาอยู่ข้างนอก ว่า จากการการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ก่อนคลอด น.ส.พิพิศรา ได้ฝากครรภ์ครั้งแรก และครั้งเดียวที่คลินิกฝากครรภ์เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2557 แพทย์ตรวจอัลตราซาวนด์พบว่า ตั้งครรภ์ทารกเดียว มีชีวิต และมีศีรษะเป็นส่วนนำ อายุครรภ์ 31 สัปดาห์ กำหนดคลอดวันที่ 17 มีนาคม 2557
แต่เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2557 เวลา 04.00 น. ผู้คลอดมาโรงพยาบาลด้วยอาการมีน้ำคร่ำรั่วก่อนกำหนดคลอด ขณะนั้นอายุครรภ์ได้ 33 สัปดาห์ แพทย์ได้วางแผนการรักษาด้วยการให้นอนพัก ฉีดยาปฏิชีวนะ ฉีดยากระตุ้นให้ปอดทารกมีความแข็งแรงก่อนอย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนคลอด และตรวจติดตามการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์พบว่า เป็นปกติ ยังไม่มีข้อบ่งชี้ให้ตรวจอัลตราซาวนด์ซ้ำในผู้คลอดรายนี้ เนื่องจากได้ตรวจอัลตราซาวนด์มาเมื่อ 10 วันก่อน (17 มกราคม 2557)
ซึ่งเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557 ผู้คลอดได้คลอดบุตรโดยวิธีธรรมชาติ ใช้เวลาเบ่งคลอดเพียง 11 นาที เด็กคลอดง่ายเนื่องจากเด็กตัวเล็ก ได้ทารกเพศหญิงน้ำหนัก 1,900 กรัม สุขภาพแข็งแรงดี แต่มีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด คือ ผนังหน้าท้องมีรูโหว่ และมีลำไส้โผล่ออกมาภายนอก ซึ่งถือว่าเป็นภาวะผิดปกติตั้งแต่กำเนิด ไม่ได้เกิดจากการทำคลอดแต่อย่างใด หลังทารกคลอด ได้แจ้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชกรรม และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารศัลยกรรมมาดู และวางแผนการผ่าตัดทันที
นพ.เจษฎา กล่าวอีกว่า กรณีผนังหน้าท้องโหว่ตั้งแต่กำเนิด (Gastroschisis) พบได้ประมาณ 1 ใน 1,000 การคลอด เกิดจากความผิดปกติในการเชื่อมปิดกั้นของผนังหน้าท้องที่ปิดไม่สนิทตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ร้อยละ 30 ไม่สามารถตรวจพบได้โดยการตรวจอัลตราซาวนด์ ถ้าตรวจพบได้ขณะตั้งครรภ์ก็ต้องส่งไปคลอดในโรงพยาบาลที่มีศัลยแพทย์ที่สามารถทำการผ่าตัดทารกได้หลังคลอด แต่ในผู้ป่วยรายนี้โรงพยาบาลศูนย์วชิระภูเก็ต มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารศัลกรรมที่สามารถทำการผ่าตัดได้ และทารกสามารถคลอดทางช่องคลอดได้