ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กรมเจ้าท่า ใช้งบ 28 ล้าน เคลื่อนย้ายทรายจากชายฝั่งหาดสมิหลาไปชดเชยหาดทรายแก้ว อ.สิงหนคร ที่ถูกคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง เพื่อเติมทรายให้กลับคืนสู่ธรรมชาติ หลังชายหาดถูกคลื่นกัดเซาะเข้ามาถึงแนวชายฝั่งด้านใน
วันนี้ (4 ก.พ.) จากกรณีที่ทางกรมเจ้าท่า ได้ทำการก่อสร้างเขื่อนกันทราย และคลื่นปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา เพื่อป้องกันทรายเข้าไปในร่องน้ำ ทำให้ร่องน้ำตื้นเขิน ส่งผลกระทบต่อการขาดสมดุลของตะกอนทรายที่เคลื่อนที่ในแนวชายฝั่ง เนื่องจากเขื่อนกันทรายขัดขวางกระบวนการเคลื่อนที่ของตะกอนทราย กีดขวางทางน้ำไหล และการเคลื่อนที่ของคลื่น ทำให้เกิดการสะสมตะกอนทรายตามแนวเขื่อนเป็นจำนวนมาก และทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่ง
ศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 4 จังหวัดสงขลา กรมเจ้าท่า ได้ทำการสำรวจตรวจสอบพบว่า บริเวณเขื่อนกันทรายร่องน้ำปากทะเลสาบสงขลาด้านทิศใต้ มีตะกอนทรายสะสมเป็นจำนวนมากถึง 953,875 ลูกบาศก์เมตร โดยกลัวว่าทรายดังกล่าวจะล้นเขื่อนลงไปในร่องน้ำ และมีความจำเป็นต้องทำการถ่ายเททราย (Sand Bypassing) เพื่อป้องกันการตื้นเขินของชายหาด และร่องน้ำที่ทรายเข้าไปทับถม รวมทั้งแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง
โดยกรมเจ้าท่า ได้อนุมัติงบประมาณ 28 ล้านบาท ทำการถ่ายเททรายบริเวณชายฝั่งชายหาดสมิหลาที่มีตะกอนทรายสะสมเป็นจำนวนมาก นำทรายไปเติมในแนวชายหาดที่ถูกกัดเซาะบริเวณสำนักสงฆ์หาดทรายแก้ว อ.สิงหนคร และชายหาดบริเวณหาดแก้วรีสอร์ต ที่ในช่วงนี้ปริมาณทรายได้ร่นเข้ามาใกล้แนวฝั่งด้านใน ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะชายฝั่ง
นายธรา วรรณพฤกษ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 4 จังหวัดสงขลา กรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า การขุดลอกเพื่อถ่ายเททราย (Sand Bypassing) ร่องน้ำสงขลา เนื่องจากมีการสะสมของตะกอนทรายที่เกิดจากการก่อสร้างเขื่อนกันทราย และคลื่นที่ปากร่องน้ำสงขลา ทำให้มีการสะสมตะกอนทรายบริเวณชายฝั่งด้านแหลมสมิหลาสงขลา และเกิดการกัดเซาะบริเวณหาดทรายแก้ว กรมเจ้าท่า ได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 28 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยวิธีการขนย้ายทราย จำนวน 300,000 ลูกบาศก์เมตร ข้ามเขื่อนปากร่องน้ำ นำไปทิ้งบริเวณหน้าหาดทรายแก้ว ซึ่งมีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 จนถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557
สำหรับวิธีการเคลื่อนย้ายทรายโดยใช้วิธีดูดทรายขึ้นเรือบรรทุกดิน แล้วนำไปปล่อยทิ้งที่บริเวณชายฝั่งหาดทรายแก้ว อ.สิงหนคร สำหรับทรายที่ทำการเคลื่อนย้ายในครั้งนี้ มีจำนวน 300,000 ลูกบาศก์เมตร ตามงบประมาณที่ได้รับ ซึ่งจะนำไปช่วยประทังการการกัดเซาะชายฝั่ง เข้าเติมเต็มทรายบริเวณหาดทรายแก้วที่ถูกคลื่นซัดหายไปให้กลับมาสู่สภาพเดิม