นายธรา วรรณพฤกษ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 4 จังหวัดสงขลา กรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า จากกรณีที่ทางกรมเจ้าท่าได้ทำการก่อสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา เพื่อป้องกันทรายเข้าไปในร่องน้ำ ทำให้ร่องน้ำตื้นเขิน ส่งผลกระทบกับการขาดสมดุลของตะกอนทรายที่เคลื่อนที่ในแนวชายฝั่ง เนื่องจากเขื่อนกันทรายขัดขวางกระบวนการเคลื่อนที่ของตะกอนทราย กีดขวางทางน้ำไหลและการเคลื่อนที่ของคลื่น ทำให้เกิดการสะสมตะกอนทรายตามแนวเขื่อนเป็นจำนวนมากและทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่ง
ศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 4 จังหวัดสงขลา กรมเจ้าท่า ได้ทำการสำรวจตรวจสอบพบว่าบริเวณเขื่อนกันทรายร่องน้ำปากทะเลสาบสงขลาด้านทิศใต้ มีตะกอนทรายสะสมเป็นจำนวนมากถึง 953,875 ลูกบาศก์เมตร โดยกลัวว่าทรายดังกล่าวจะล้นเขื่อนลงไปในร่องน้ำ และมีความจำเป็นต้องทำการถ่ายเททราย (Sand Bypassing) เพื่อป้องกันการตื้นเขินของชายหาดและร่องน้ำที่ทรายเข้าไปทับถม รวมทั้งแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยกรมเจ้าท่าได้อนุมัติงบประมาณ 28 ล้านบาท ทำการถ่ายเททรายบริเวณชายฝั่งชายหาดสมิหลา ที่มีตะกอนทรายสะสมเป็นจำนวนมาก นำทรายไปเติมในแนวชายหาดที่ถูกกัดเซาะบริเวณสำนักสงฆ์หาดทรายแก้ว อ.สิงหนคร และชายหาดบริเวณหาดแก้วรีสอร์ทที่ในช่วงนี้ ปริมาณทรายได้ร่นเข้ามาใกล้แนวฝั่งด้านใน ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะชายฝั่ง
ทั้งนี้ จากการขุดลอกเพื่อถ่ายเททราย (Sand Bypassing) ร่องน้ำสงขลา เนื่องจากมีการสะสมของตะกอนทรายที่เกิดจากการก่อสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นที่ปากร่องน้ำสงขลา ทำให้มีการสะสมตะกอนทรายบริเวณชายฝั่งด้านแหลมสมิหลาสงขลาและเกิดการกัดเซาะบริเวณหาดทรายแก้ว กรมเจ้าท่าได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 28 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยวิธีการขนย้ายทรายจำนวน 300,000 ลูกบาศก์เมตร ข้ามเขื่อนปากร่องน้ำ นำไปทิ้งบริเวณหน้าหาดทรายแก้ว ซึ่งมีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 จนถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557
สำหรับวิธีการเคลื่อนย้ายทราย โดยใช้วิธีดูดทรายขึ้นเรือบรรทุกดิน แล้วนำไปปล่อยทิ้งที่บริเวณชายฝั่งหาดทรายแก้ว อ.สิงหนคร จำนวน 300,000 ลูกบาศก์เมตร ตามงบประมาณที่ได้รับ ซึ่งจะนำไปช่วยประทังการการกัดเซาะชายฝั่ง เข้าเติมเต็มทรายบริเวณหาดทรายแก้วที่ถูกคลื่นซัดหายไป ให้กลับมาสู่สภาพเดิม
ศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 4 จังหวัดสงขลา กรมเจ้าท่า ได้ทำการสำรวจตรวจสอบพบว่าบริเวณเขื่อนกันทรายร่องน้ำปากทะเลสาบสงขลาด้านทิศใต้ มีตะกอนทรายสะสมเป็นจำนวนมากถึง 953,875 ลูกบาศก์เมตร โดยกลัวว่าทรายดังกล่าวจะล้นเขื่อนลงไปในร่องน้ำ และมีความจำเป็นต้องทำการถ่ายเททราย (Sand Bypassing) เพื่อป้องกันการตื้นเขินของชายหาดและร่องน้ำที่ทรายเข้าไปทับถม รวมทั้งแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยกรมเจ้าท่าได้อนุมัติงบประมาณ 28 ล้านบาท ทำการถ่ายเททรายบริเวณชายฝั่งชายหาดสมิหลา ที่มีตะกอนทรายสะสมเป็นจำนวนมาก นำทรายไปเติมในแนวชายหาดที่ถูกกัดเซาะบริเวณสำนักสงฆ์หาดทรายแก้ว อ.สิงหนคร และชายหาดบริเวณหาดแก้วรีสอร์ทที่ในช่วงนี้ ปริมาณทรายได้ร่นเข้ามาใกล้แนวฝั่งด้านใน ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะชายฝั่ง
ทั้งนี้ จากการขุดลอกเพื่อถ่ายเททราย (Sand Bypassing) ร่องน้ำสงขลา เนื่องจากมีการสะสมของตะกอนทรายที่เกิดจากการก่อสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นที่ปากร่องน้ำสงขลา ทำให้มีการสะสมตะกอนทรายบริเวณชายฝั่งด้านแหลมสมิหลาสงขลาและเกิดการกัดเซาะบริเวณหาดทรายแก้ว กรมเจ้าท่าได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 28 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยวิธีการขนย้ายทรายจำนวน 300,000 ลูกบาศก์เมตร ข้ามเขื่อนปากร่องน้ำ นำไปทิ้งบริเวณหน้าหาดทรายแก้ว ซึ่งมีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 จนถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557
สำหรับวิธีการเคลื่อนย้ายทราย โดยใช้วิธีดูดทรายขึ้นเรือบรรทุกดิน แล้วนำไปปล่อยทิ้งที่บริเวณชายฝั่งหาดทรายแก้ว อ.สิงหนคร จำนวน 300,000 ลูกบาศก์เมตร ตามงบประมาณที่ได้รับ ซึ่งจะนำไปช่วยประทังการการกัดเซาะชายฝั่ง เข้าเติมเต็มทรายบริเวณหาดทรายแก้วที่ถูกคลื่นซัดหายไป ให้กลับมาสู่สภาพเดิม