ระนอง - คณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตด้านความมั่นคง ศึกษาดูงานแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ระนอง
นายขจัดภัย บุรุษพัฒน์ อนุกรรมการป้องกันการทุจริตด้านความมั่นคง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พร้อมคณะ ได้ประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดระนอง ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระนอง เพื่อติดตามปัญหาที่เป็นปัจจุบัน การดำเนินการแก้ไข รวบรวมเป็นข้อมูลเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
โดยภาพรวมปัญหาแรงงานต่างด้าวในจังหวัดระนอง ปัจจุบันตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนพฤศจิกายน 2556 มีแรงงานต่างด้าวจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 54,000 คน และมีแรงงานที่อยู่นอกระบบ หรือแรงงานเถื่อนประมาณ 1 แสนคน ซึ่งที่ผ่านมาในรอบ 5 ปี แม้สถิติปัญหาการก่ออาชญากรรมจากแรงงานต่างด้าวยังไม่รุนแรงนัก แต่ปัญหาที่ได้รับผลกระทบคือ การแย่งงานของคนไทยในพื้นที่ เช่น อาชีพค้าขาย อาชีพขี่จักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งตามกฎหมายควบคุมแรงงานต่างด้าวไม่ได้อนุญาตให้ประกอบอาชีพดังกล่าว ที่ผ่านมา เป็นการลักลอบทำซึ่งได้มีการจับกุมอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2557 กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน จะจัดตั้งโครงการสายข่าวจังหวัดระนอง เพื่อติดตามกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาในพื้นที่ ป้องปรามการกระทำผิดกฎหมาย และผลักดันแรงงานเถื่อนให้เข้ามาจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวอย่างถูกต้อง
อนุกรรมการป้องกันการทุจริตด้านความมั่นคง สำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช.เป็นห่วงในเรื่องของปัญหาแรงงานต่างด้าวซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาการทุจริตการค้ามนุษย์ซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติ แต่ที่ผ่านมา ถือว่าประเทศไทยมีพัฒนาการที่ดีในการแก้ไขปัญหา ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านดีขึ้นเป็นลำดับ ในส่วนของจังหวัดระนอง ที่มีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับประเทศพม่า เป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ถือเป็นอีกพื้นที่ที่ล่อแหลมต่อการลักลอบเข้าเมือง โดยถือเป็นจังหวัดที่เป็นจุดกระจายแรงงานต่างด้าวที่แม้จะขึ้นทะเบียนถูกต้อง แต่ก็ลักลอบออกไปทำงานนอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ซึ่งได้เน้นย้ำให้บุคลากรของภาครัฐ และเอกชนในจังหวัดระนอง บูรณาการการทำงานร่วมกัน เพราะลำพังภาครัฐเพียงอย่างเดียวไม่อาจทำงานให้ลุล่วงเท่าทันปัญหาที่เป็นปัจจุบันได้
โดยขอให้ทางจังหวัดระนอง เป็นแม่งานในการติดต่อประสานงานการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง เชื่อว่าหากข้าราชการทุกคนปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ และได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวจะเป็นไปในทิศทางที่ดี และเป็นระบบมากยิ่งขึ้น
