ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “ฟางเส้นสุดท้ายการเมืองไทย” ในแบบ “รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา” ชาวหาดใหญ่แน่นฮอลล์ อัดแน่นด้วยความรู้ติดอาวุธทางปัญญา สาวไส้รัฐบาลทาสแม้วหมดเปลือก ปลุกคนไทยทั้งประเทศต้องออกมาช่วยชาติ ขับไล่รัฐบาลอัปรีย์
เวลา 21.00 น. วันนี้ (20 พ.ย.) ที่หอประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ม.อ.รักชาติ จัดเวทีเสวนา “ฟางเส้นสุดท้ายการเมืองไทย” โดย รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมจำนวนมากจนแน่นหอประชุม แม้วันนี้สภาพอากาศในพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยนัก เนื่องจากมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา กล่าวว่า วันที่ 24 พ.ย.นี้เราต้องร่วมมือกันใช้พลังประชาชนในการต่อสู้ เราต้องมีจำนวนคนให้มาก จำนวนพื้นที่ให้มาก และจำนวนกลุ่มต้องมากด้วย ต้องมาจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ คือสิ่งที่เราต้องการให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง เราทนไม่ได้แล้วที่จะปล่อยให้คนชั่วลอยนวล เกิดมายังไม่เคยเห็นใครชั่ว เลวหน้าด้าน สันดานสามานย์อย่างนี้เลย เรามีนายกรัฐมนตรีมา 28 คน แต่ยังไม่เคยเห็นใครเลวได้สนิทขนาดนี้ เขา (ทักษิณ ชินวัตร) รู้ว่าเขาชั่วแต่เขาเป็นโรคจิตคิดเอาชนะตลอดเวลา อย่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เขาก็รู้ว่าถ้าเขากลับมาตอนนี้เขาต้องตายแน่นอน เขาเลยไม่กล้ามา เพราะหากมาตอนนี้มีคนจองกฐินเยอะแน่นอน สิ่งที่เขาทำเขารู้ว่ามันเลวมันชั่วมันผิด แต่ยังอยากจะทำ เพราะเขาคิดว่าไม่มีใครทำอะไรเขาได้ เพราะเขาเป็นคนที่มีเงินใช้เหลือเฟือ
ในประเทศไทยเชื่อว่าเรามีคนเก่งกว่าเขาเยอะแยะ แต่ไม่หน้าด้านเท่าเขา และตอนนี้การเป่านกหวีดกลายเป็นคดีพิเศษ มีความผิดปรับ 100 บาท มันมีที่ไหน เขามีเงินเขาจ้างผีโม่แป้งได้ เขายึดได้ทุกภาคส่วนแล้ว และท้ายที่สุด ยึดบุคคลที่เราไม่คาดคิดว่าจะยึดได้ ทหารอ้างว่าเป็นกลางๆ ขอให้เป็นกลางให้ได้ตลอด หากเกิดเหตุการณุรุนแรงขึ้นมาอย่าออกมารังแกประชาชนแล้วกัน วันนี้ไทยเฉยออกมาแสดงตัวกันมากขึ้น ไทยเฉยที่ผ่านมานั้นเป็นคุณแก่เราที่ทำให้คนชั่วประมาท และเหิมเกริม จนกระทั่งสุดซอยของมันนะแหละ จนทำให้เกิดขึ้นเป็นเรือนแสนที่ราชดำเนิน จากที่เคยคิดตำหนิ ตอนนี้ขอขอบคุณกลุ่มไทยเฉย
รศ.ดร.เสรี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเราพบว่าถ้าเป็นพวกทุนสามานย์ได้อะไรมันเป็นภาพที่ชัดมาก หากใครไม่เป็นพวกเขาแล้วจะต้องเสียอะไร กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ชัดเจนมากในสังคมไทยตั้งแต่ 8 ปี ที่ผ่านมา ประเทศไทยเราที่มีปัญหาวุ่นวาย เพราะคนกลุ่มหนึ่งที่ยินดีกับประโยชน์ที่เขามอบให้ แต่ไม่เคยรู้ว่าประเทศเสียอะไรบ้าง ตราบใดที่คนไทยคิดแต่ว่าตัวเองได้อะไร แต่ไม่เคยคิดว่าประเทศจะได้อะไร นี่คือฟางเส้นสุดท้ายที่เรายอมสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
“วันนี้ต้องขอบคุณ ศาล รธน.ที่กลุ่มพวกมากลากไปไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ คนที่ขู่ศาลเป็นกบฏแห่งแผ่นดินชัดเจน เลยคิดว่าหากยุบพรรคเพื่อไทย พวกอันธพาลต้องทำให้มีเรื่องแน่ ทั้งหมดเรื่องแก้ไข รธน. คือ ความผิดในกระบวนการ ส.ว.มีอำนาจมหาศาลแต่งตั้งองค์กรอิสระได้ ถอดถอนองค์กรได้ เขาจึงให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งในส่วนหนึ่ง และสรรหามาส่วนหนึ่ง วันนี้ศาลตัดสิน เราถือว่าเราชนะแล้ว งานขั้นต่อไปของประชาชนคือ ถอดถอน ส.ส. 312 คน ที่ทำสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ล้านชื่อล้านคน ถอดถอนรายชื่อ 312 คน มันเป็นไปได้อยู่แล้ว”
วาทกรรมแรกของเขาคือ ต้นไม้พิษ ผลไม้พิษ รัฐประหารคือ ต้นไม้พิษ เขากำลังอ้างว่ารัฐประหารเป็นเหตุ ก่อนจะเกิดต้นไม่พิษดินต้องเป็นพิษก่อน เพราะฉะนั้น การบริหารของเขานะเป็นพิษ ตอนเขาบริหารเขาสร้างความแตกแยก ที่เราต่อต้านเราต่อต้านรัฐบาลชั่ว เราไม่ได้ต่อต้านเสียงข้างมาก อีกอย่างคือ การฉ้อฉลโกงกิน บางคนบอกว่านักการเมืองโกงกินเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วโกงกินไม่เหมือนกัน ปัจจุบัน การโกงกินคือ ยึดสมบัติของชาติ สมัยก่อนโกงกินเปอร์เซ็นต์ มันจึงไม่เหมือนกัน ดินพิษเกิดจากฉ้อฉล
ต่อไปคือเขาทำลายการตรวจสอบ องค์กรที่เป็นอิสระเขาเอาคนเข้าไปอยู่ พร้อมทั้งข่มขู่คุกคามสื่อมวลชน อันไหนซื้อได้ซื้อ อันไหนซื้อไม่ได้ข่มขู่ และครอบงำ สื่อจึงทำสิ่งเดียวกับที่เขาต้องการ ดินที่เป็นพิษอย่างร้ายแรงที่ต้องทำให้เกิดรัฐประหารวันที่ 19 ก.ย. คือ การหมิ่นเบื้องสูง คนเหล่านี้มีพฤติกรรมจาบจ้วงพระมหากษัตริย์ โดยที่ไม่ได้มีใครทำอะไรได้เลย
สิ่งที่เป็นปัญหาบ้านเราคือ เขาโดนขับไล่ออกจากประเทศไปแล้วไม่เคยสำนึกผิด ต่อมสำนึกผิดพิการ แต่ต่อมสำนึกไม่มีในดีเอ็นเอของโคตรเหง้าศักราชแล้ว มันมีมาก่อนรุ่นนี้ เพราะฉะนั้นมันเลวทั้งโคตร เรื่องคดีที่เขาทำผิดหลายคดี ต้องเป็นคดีที่ทนายเขาบอกแล้วว่าไม่รอดจึงต้องหนี ตัวเองผิดแล้วไม่ยอมรับเลยหนี คนถูกกล่าวหาว่าผิดแต่ไม่ยอมรับผิดไม่ยอมมาขึ้นศาล เท่ากับสารภาพนอกศาลแล้วว่าผิด แล้วทำทุกอย่างที่จะเอาชนะโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
“ทักษิณชอบใช้วาทกรรมที่บิดเบือนหลอกลวง กม.ที่ตัดสินให้เขาผิดนั้น มันมีมาตั้งนานแล้ว ไม่เกี่ยวกับ กม.รธน.50 แม้แต่น้อย นี่คือการบิดเบือนซึ่งเยอะมากที่ทักษิณเคยบิดเบือน เลือกตั้ง กกต.ก็มาจาก กกต.ที่เป็นผลไม้พิษ ถ้าบอกว่า รธน.ปี 50 เป็นพิษ สรุปว่า รัฐบาลนี้ก็เป็นรัฐบาลพิษ โกหกบิดเบือนตลอดเวลา เป็นคนชอบท้าให้มีการเลือกตั้งเพราะมั่นใจว่าชนะแน่ ซื้อ ส.ส.ท้องถิ่น ที่เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ชนะ เพราะกว้านซื้อ ส.ส.ท้องถิ่นหมดแล้ว เรื่องของการซื้อ เคยเห็นเขาคุยกัน มี ส.ส.พรรคหนึ่งมาขอหัวหน้าพรรค บอกว่าเขาให้มา 30 ล้าน ถ้าเขาซื้อสักร้อยคน เท่ากับ 3,000 ล้าน ถ้ามันไม่โกงมันจะลงทุนทำไม แปลว่า ทั้งกลั่นแกล้ง คุกคาม จนเขากล้าท้าการเลือกตั้ง เขาดูถูกคนไทย”
และสิ่งที่ทักษิณ ชินวัตร ดูถูกคนไทยคือ 1.เขาหยิบยื่นน้องสาวโง่ๆ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี เขามองว่าพวกเรานี่โง่มาก แต่เราเป็นอารยชนจึงต้องยอมรับ นายกรัฐมนตรีเราไม่ได้โง่ธรรมดานะ แต่โง่ตลอดเวลาแบบไม่เกรงใจใคร โง่อย่างเดียวไม่พอยังตอแหลอีก ด้วยประโยคเดียวง่ายๆ คือ “หนูไม่รู้”
2.เขาตั้งรัฐมนตรีที่ไร้ความสามารถมาเป็นจำนวนมากเพียงเพื่อตอบแทนเท่านั้น จบนิติศาสตร์ไปนั่งกระทรวงวิทยาศาสตร์ จับวางตามโควตาโดยไม่คำนึงถึงความสามาถเพื่อเรียกคะแนนเสียงเอารางวัลเท่านั้น เพียงเพื่อจะได้ให้นายเห็นว่ากำลังทำอะไร มีอยู่คนหนึ่งเท่านั้นที่เป็นคางคกตกวอลอยู่ตลอด เพราะถ้าขึ้นมาเป็นเพียงได้แค่สายล่อฟ้าเท่านั้น นโยบายก็เป็นนโยบายผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งนั้น ทุกวันนี้ก็อ้างแต่เสียงข้างมาก ถ้าทำเลวทำชั่วก็ต้องออกก่อน 4 ปี คนชั่วอยู่วันเดียวก็ทำประเทศชาติฉิบหายได้ และ กม.ที่พยายามแก้อยู่ในตอนนี้ล้วนเป็น กม.หายนะทั้งสิ้น เรากำลังเผชิญกับเผด็จการรัฐสภา ในลักษณะพวกมากลากไปตามคำสั่งของพ่อที่อยู่ดูไบ
รศ.ดร.เสรี กล่าวต่ออีกว่า ทำไมเราต้องไล่รัฐบาลนี้ อย่าพูดคำว่าล้มรัฐบาลมันผิดมาตรา 46 เราต้องพูดว่าไล่ เราไม่ได้ล้ม แต่ไล่ยากมากเพราะมันหน้าด้าน แต่ถ้าเราไม่ไล่มันก็จะทำผิดต่อประเทศชาติต่อไป เมื่อรัฐบาลผิดสัญญาประชาคม เราสามารถออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลนี้ออกไปได้ เพราะมีข้อบกพร่องจนหมดความชอบธรรม
ทั้งนี้ มีหลายข้อที่บ่งบอกว่า รัฐบาลชุดนี้ขาดความชอบธรรม คือ ผู้นำอับปัญญาไร้ความสามารถ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ผู้นำโง่” ผู้นำไม่เคารพ และไม่ให้เกียรติรัฐบาล และสภา ผู้นำให้ร้ายประเทศไทยทั้งใน และนอกประเทศ มีความพยายามจะล้างผิดคนโกง คนฆ่าคน และพวกหมิ่นเบื้องสูง รัฐบาลดูถูกประชาชน ด่าประชาชนว่าโง่ รัฐบาลที่ไม่ได้เกียรติประชาชน เราก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติเขาต่อไป ทำลายตลาดข้าวไทย ให้ท้ายคนเสื้อแดง และทำให้เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะถดถอย และที่สำคัญ ทำให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีเรื่องทุจริต และอื่นๆ อีกมากมาย
รศ.ดร.เสรี ยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า เมื่อมีการจัดอันดับเลวที่สุด อันดับ 1 คือ ทักษิณ ชินวัตร ถ้าจัดอันดับผู้นำที่แย่ที่สุด อับดับ 1 คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และถ้าบุคลล 10 อันดับแรกที่ไม่อยากให้มีชื่ออยู่ในโลกนี้ อันดับ 1 คือ ทักษิณ ชินวัตร