ยอดขายอาหารทะเล จ.ตรัง “สุดแย่” เหตุพิษเศรษฐกิจตกต่ำ ค่าครองชีพพุ่ง

ตรัง - พ่อค้าแม่ค้าอาหารทะเลในตลาดเทศบาลนครตรัง ระบุยอดขายในพื้นที่ลดลงเพราะเศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนรายได้ลด ค่าครองชีพสูงขึ้น นิยมซื้อแกงถุงมาบริโภคแทนการทำอาหารเอง แต่ยังหวังยอดขายจะกลับมาดีอีกครั้ง

วันนี้ (19 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายอาหารทะเลใน จ.ตรัง กำลังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้ประชาชนมีรายได้ลดลง และต้องประหยัดค่าใช้จ่าย หรือจะใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ถึงแม้ว่าการซื้ออาหารจะมีความจำเป็น แต่ประชาชนผู้บริโภคก็ต้องมีการปรับพฤติกรรมจากการซื้ออาหารสดเพื่อมาทำเป็นอาหารรับประทานภายในครอบครัว มาเป็นซื้ออาหารสำเร็จรูป หรือแกงถุงมาบริโภคแทน เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ประกอบกับปัจจุบันวัตถุดิบในการนำมาผลิตเป็นอาหารต่างก็ปรับราคาสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่ หมูสด หรือแม้กระทั่งก๊าซหุงต้ม ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของประชาชนแทบทั้งสิ้น จึงทำให้ประชาชนต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด

ทั้งนี้ พ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายอาหารทะเลในตลาดเทศบาลนครตรัง ระบุว่า แม้ราคาอาหารทะเลไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด แต่พ่อค้าแม่ค้าก็ต้องสั่งมาจำหน่ายลดลง เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน และเกรงว่าจะขายไม่หมด เนื่องจากมีการซื้ออาหารทะเลน้อยลง โดยผู้มาซื้อก็เป็นลูกค้าเดิม และลูกค้าที่ทำอาหารจำหน่าย ส่วนประชาชนทั่วไปที่มาซื้ออาหารทะเลไปรับประทานนั้นมีน้อยมาก อีกทั้งยังหวังว่าอาหารทะเลจะกลับมาขายดีอีกครั้ง

โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ สำหรับราคาสัตว์น้ำในท้องตลาดขณะนี้พบว่า ปลาสำลี กิโลกรัมละ 290-300 บาท, ปลากะพงขาว กิโลกรัมละ 220 บาท, ปลามง กิโลกรัมละ 170 บาท, ปลาตะมะ กิโลกรัมละ 150 บาท, ปูม้า กิโลกรัมละ 250 บาท, กุ้งทะเล กิโลกรัมละ 320 บาท และหมึกกล้วย กิโลกรัมละ 160-180 บาท