ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจภูเก็ต ยังไล่ล่าคนร้ายเจาะตู้เอทีเอ็มกลางเมืองกวาดเงินสดกว่า 1.6 ล้านบาท หลบหนีลอยนวล ชุดสืบสวนจังหวัดนำผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเปรียบเทียบการทำงาน เชื่อเป็นหัวเชื่อมที่นิยมใช้กันในต่างประเทศ ส่วนการติดตามจับกุมคนร้ายระบุตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดในพื้นที่เกี่ยวข้องยืนยันได้ข้อมูลมากพอสมควร เชื่อคนร้ายมีความชำนาญพิเศษ
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันนี้ (11 พ.ย.) พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิต รองผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องของการตัดเหล็ก-เชื่อมเหล็ก เข้าไปตรวจสอบการตัดเหล็กของคนร้ายที่เข้าไปก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารไทยพาณิชย์ บริเวณปากทางเข้าโบ๊ท ลากูน ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต ที่ก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็ม และขโมยเอาเงินสดไปกว่า 1.6 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเปรียบเทียมการเจาะแผ่นเหล็กของคนร้าย ซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า หัวเชื่อมที่คนร้ายใช้เป็นหัวเชื่อมที่ไม่ค่อยใช้กันในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบัน สามารถหาชื่อได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาตรวจสอบ และเปรียบเทียบการใช้เวลาในการตัดเหล็กที่ตู้เอทีเอ็มอีกครั้งว่าคนร้ายใช้เวลาในการตัดเห็นมากน้อยแค่ไหน เพื่อเอามาข้อมูลมาเปรียบเทียบ
ขณะที่ พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็ม และขโมยเงินสดไปกว่า 1.6 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ได้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก ซึ่งคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้เชื่อว่าเป็นคนร้ายที่มีอาชีพพิเศษ และมีความชำนาญเป็นพิเศษ และจากการตรวจสอบพบว่า เป็นคนร้ายรายเดียวกันกับคนร้ายที่ก่อเหตุพยายามเจาะตู้เอทีเอ็มของธนาคารทหารไทย สาขาถลาง โดยก่อเหตุที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารทหารไทย สาขาถลาง ก่อน เมื่อไม่สำเร็จจึงเข้ามาก่อเหตุที่ตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารไทยพาณิชย์ ปากทางเข้าโบ๊ท ลากูน ซึ่งคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มี 2 คน
ส่วนการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดจากพื้นที่ใกล้เคียง ขณะนี้ได้ข้อมูลมามากพอสมควรแล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งในการคลี่คลายคดีนั้นได้มีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทั้งในพื้นที่ สภ.ถลาง สภ.เมือง สภ.วิชิต รวมทั้ง สภ.กะทู้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยมีเหตุคนร้ายก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็ม และเจาะตู้เซฟที่ร้านทองมาประมวลทั้งหมด แต่ในกรณีของคนร้ายเจาะตู้เอทีเอ็มธนาคารที่บริเวณทางเข้าท่าเทียบเรือน้ำลึก จ.ภูเก็ต และเจาะตู้เซฟร้านทองในพื้นที่ป่าตอง ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นคนร้ายรายเดียวกับที่ก่อเหตุพยายามเจาะตู้เอทีเอ็มที่ธนาคารทหารไทย สาขาถลาง และเจาะตู้เอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ ปากทางเข้าโบ๊ท ลากูน หรือไม่ ซึ่งจะต้องนำข้อมูลทั้งหมดมาตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันนี้ (11 พ.ย.) พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิต รองผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องของการตัดเหล็ก-เชื่อมเหล็ก เข้าไปตรวจสอบการตัดเหล็กของคนร้ายที่เข้าไปก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารไทยพาณิชย์ บริเวณปากทางเข้าโบ๊ท ลากูน ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต ที่ก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็ม และขโมยเอาเงินสดไปกว่า 1.6 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเปรียบเทียมการเจาะแผ่นเหล็กของคนร้าย ซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า หัวเชื่อมที่คนร้ายใช้เป็นหัวเชื่อมที่ไม่ค่อยใช้กันในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบัน สามารถหาชื่อได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาตรวจสอบ และเปรียบเทียบการใช้เวลาในการตัดเหล็กที่ตู้เอทีเอ็มอีกครั้งว่าคนร้ายใช้เวลาในการตัดเห็นมากน้อยแค่ไหน เพื่อเอามาข้อมูลมาเปรียบเทียบ
ขณะที่ พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็ม และขโมยเงินสดไปกว่า 1.6 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ได้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก ซึ่งคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้เชื่อว่าเป็นคนร้ายที่มีอาชีพพิเศษ และมีความชำนาญเป็นพิเศษ และจากการตรวจสอบพบว่า เป็นคนร้ายรายเดียวกันกับคนร้ายที่ก่อเหตุพยายามเจาะตู้เอทีเอ็มของธนาคารทหารไทย สาขาถลาง โดยก่อเหตุที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารทหารไทย สาขาถลาง ก่อน เมื่อไม่สำเร็จจึงเข้ามาก่อเหตุที่ตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารไทยพาณิชย์ ปากทางเข้าโบ๊ท ลากูน ซึ่งคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มี 2 คน
ส่วนการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดจากพื้นที่ใกล้เคียง ขณะนี้ได้ข้อมูลมามากพอสมควรแล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งในการคลี่คลายคดีนั้นได้มีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทั้งในพื้นที่ สภ.ถลาง สภ.เมือง สภ.วิชิต รวมทั้ง สภ.กะทู้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยมีเหตุคนร้ายก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็ม และเจาะตู้เซฟที่ร้านทองมาประมวลทั้งหมด แต่ในกรณีของคนร้ายเจาะตู้เอทีเอ็มธนาคารที่บริเวณทางเข้าท่าเทียบเรือน้ำลึก จ.ภูเก็ต และเจาะตู้เซฟร้านทองในพื้นที่ป่าตอง ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นคนร้ายรายเดียวกับที่ก่อเหตุพยายามเจาะตู้เอทีเอ็มที่ธนาคารทหารไทย สาขาถลาง และเจาะตู้เอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ ปากทางเข้าโบ๊ท ลากูน หรือไม่ ซึ่งจะต้องนำข้อมูลทั้งหมดมาตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง