ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวตำบลกะรน จังหวัดภูเก็ตกว่า 200 คน รวมตัวเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว นทท.รัสเซียคลั่งก่อเหตุทุบทำลายรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาสวัดกะรน และทรัพย์สินของวัดมาทำพิธีขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายใน 7 วัน
วันนี้ (25 ต.ค.) ที่บริเวณด้านหน้าลานวัดสุวรรณคีรีเขต (วัดกะรน) อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางอรุณศรี กลั่นมา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.กระรน พร้อมชาวบ้านกว่า 200 คน รวมตัวชูป้ายข้อความเรียกร้องให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน นำตัวนักท่องเที่ยวสัญชาติรัสเซียซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาหลังเมาสุราแล้วบุกเข้าไปทำลายรูปหล่อหลวงพ่อคงเดช อดีตเจ้าอาวาสวัดที่ชาวกะรนเคารพบูชา และทรัพย์สินของวัดได้รับความเสียหายเมื่อกลางดึกของวันที่ 23 ตุลาคม เพื่อมาขอขมารูปหล่อหลวงพ่อคงเดช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด โดยยื่นคำขาดให้เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหา หรือหากไม่ได้ก็ต้องเป็นกงสุลของประเทศรัสเซีย หรือคนใดคนหนึ่งมาขอขมา มิเช่นนั้นจะใช้มาตรการขั้นต่อไปเพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการเหยียดหยามสิ่งที่ชาวกะรน และชาวพุทธเคารพบูชา
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน นำโดย พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ รอง ผกก.ปป.สภ.กะรน และ พ.ต.ท.ชนะ สุทธิมาศ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.กะรน รุดเข้าเจรจากับชาวบ้าน โดย รอง ผกก.ปป.สภ.กะรน กล่าวว่า ขอเวลา 7 วันในการประสานเพื่อนำตัวชาวต่างชาติคนดังกล่าวมาขอขมาต่อหน้ารูปหล่อหลวงพ่อ เนื่องจากอยู่ในชั้นการส่งตัวดำเนินคดีฟ้องร้องต่อศาล ซึ่งจะสามารถนำตัวมาได้หรือไม่นั้นต้องให้ศาลพิจารณา หากศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาตก็จะต้องประสานไปยังกงสุลของประเทศรัสเซียเพื่อให้มาเป็นตัวแทนในการขอขมา
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน ได้รับแจ้งว่า มีเหตุคนร้ายเข้าไปทำลายรูปปั้นหลวงพ่อคงเดช อดีตเจ้าอาวาสวัดกะรน และใช้ชะแลงทุบกระจกประตูรถ 6 ล้อของวัด ต้องการจะขับออกไป แต่ไม่สามารถขับรถออกไปได้ จึงได้หลบหนีไป
หลังรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงออกติดตามจับกุมคนร้าย พร้อมตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดภายในวัดซึ่งบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ และออกติดตามจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ทราบชื่อคือ นาย OLEG FOMENKO เป็นนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ผู้ต้องหาสารภาพว่าได้กระทำจริง เพราะดื่มเบียร์เข้าไปจำนวนมากจนมีอาการเมามายตั้งสติไม่ได้จน ลงมือก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีข้อหาพยายามลักทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นวัตถุอันเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนในที่วัด ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลจังหวัดภูเก็ตเพื่อดำเนินคดี