กู้วิกฤต! ผู้ว่าฯ เมืองลุง เตรียมส่งทีมเฉพาะกิจลงพื้นที่ เร่งชาวสวนยางยื่นเอกสารสิทธิโดยด่วน

พัทลุง - เกษตรจังหวัดพัทลุง ระบุเกษตรกรชาวสวนยางต้องได้รับเงินอุดหนุนค่าปัจจัยการผลิตเต็มอัตราทุกครัวเรือน เร่งชาวสวนยางส่งหลักฐานขอใบรับรองสิทธิอย่างด่วน! คาดแล้วเสร็จทั้งหมดก่อนสิ้นเดือนพฤศจิกายน ศกนี้

วานนี้ (6 พ.ย.) นายชูชีพ วรรธนเพียร เกษตรจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารา โครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี 2557 แก้ไขปัญหาวิกฤตยางพาราราคาตก ในมาตรการเร่งด่วนระยะสั้น เพื่อช่วยเหลือ “เงินอุดหนุนค่าปัจจัยการผลิต” ไร่ละ 2,520 บาท แก่เกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิถูกต้อง หรือมีหนังสือรับรองสิทธิที่กรมป่าไม้รับรอง 46 ประเภท รายละไม่เกิน 25 ไร่ และเกษตรกรที่เปิดกรีดหน้ายางแล้ว รวมไปถึงต้นยางที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี

โดยรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ ตามพื้นที่ปลูกยางพาราของเกษตรกร และได้สิ้นสุดการขึ้นทะเบียนไปเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุด มีเกษตรกรชาวสวนยางขึ้นทะเบียนรวมทั้งสิ้น 64,161 ครัวเรือน ทางกองทะเบียนได้บันทึกข้อมูลเข้าระบบแล้ว 52,452 ครัวเรือน ในจำนวนนี้สามารถส่งข้อมูลให้คณะกรรมการตรวจสอบพื้นที่ จำนวน 43,888 ครัวเรือน

ทางคณะกรรมการ ทำการตรวจสอบแปลงยางแล้วเสร็จ จำนวน 13,000 ครัวเรือน ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งข้อมูลให้สำนักงานเกษตรอำเภอ เพื่อทำการออกใบรับรองสิทธิต่อไป ทางสำนักงานเกษตรอำเภอจะได้ทำการส่งข้อมูลให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปพร้อมกัน เพื่อให้ธนาคารได้ดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรภายใน 3 วันเป็นอย่างช้า

อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง จำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับการโอนเงินผิดบัญชี หรือจำนวนยอดไม่ตรงกับจำนวนพื้นที่ปลูก ซึ่งขณะนี้เกษตรกรชาวสวนยางพาราในจังหวัดพัทลุง ได้รับการออกใบรับรองสิทธิแล้วเสร็จทั้งสิ้น 648 ครัวเรือน

ด้าน นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม.น้อย จังหวัดพัทลุง เพื่อหามาตรการดำเนินการให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ชัดเจน รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ประชาชนได้รับเงินอุดหนุนค่าปัจจัยการผลิตครบตามจำนวน และอย่างเร็วที่สุด

สำหรับกรณีที่เกษตรกรไปขึ้นทะเบียนแล้วในบางส่วน แต่ยังไม่สามารถบันทึกข้อมูลเข้าระบบได้ ซึ่งมีจำนวน 11,709 ครัวเรือน และเกษตรกรที่ได้เปิดกรีดหน้ายางตามจริง โดยได้บันทึกเข้าระบบแล้ว แต่ยังไม่สามารถส่งชื่อให้คณะกรรมการเพื่อลงตรวจสอบพื้นที่แปลงยาง จำนวน 8,564 ครัวเรือน พบว่ามีปัญหาด้านเอกสารหลักฐานที่ยังไม่สมบูรณ์ เช่น เกษตรกรบางรายปลูกยางพาราในที่หวงห้ามทางราชการ เช่น ในเขตอุทยาน เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่า พื้นที่สาธารณะ และไม่มีเอกสารสิทธิ หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์จากกรมป่าไม้ และบางรายอาจมีชื่อซ้ำกันหลายแปลง หรือการลงทะเบียนซ้ำซ้อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากปัญหาต่างๆ ที่ทำให้การดำเนินงานช่วยเหลือเกษตรกรเกิดความล่าช้า ไม่ได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดดังกล่าวนั้น ในเบื้องต้น ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้จัดตั้งคณะทำงานชุดพิเศษเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยเฉพาะแล้ว โดยการนำสาเหตุของปัญหาทั้งหมดเข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม.น้อย จังหวัดพัทลุง ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ เพื่อร่วมกันเสนอแนวทาง และเร่งแก้ปัญหาให้เกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบในวาระต่อไป

เกษตรจังหวัดพัทลุง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเกษตรกรที่แจ้งข้อมูลถูกต้องครบถ้วนและเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ก็จะได้รับเงินอุดหนุนช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตตามระยะเวลา และตามอัตราที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน