ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนา จ.สตูล และสงขลา และประชาชนกว่า 100 คน ออกเดินเท้าต่อต้านเรียกร้องให้รัฐบาลถอนชุดโครงการแลนด์บริดจ์ สงขลา-สตูล ออกจากบัญชีพระราชบัญญัติเงินกู้ 2.2 ล้านล้าน ด้วยระยะทาง 220 กม.จากอันดามันสู่อ่าวไทย โดยไปสิ้นสุดการเดินทางที่บ้านสวนกง อ.จะนะ จ.สงขลา
เวลา 09.00 น. วันนี้ (22 ต.ค.) นายวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี และนายสมบูรณ์ คำแหง เครือข่ายติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ปากบารา อ.ละงู จ.สตูล และชาวบ้านจาก อ.จะนะ จ.สงขลา จำนวนกว่า 100 คน ถือป้ายคัดค้านไม่เอาท่าเรือน้ำลึกปากบารา และโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกบ้านสวนกง จ.สงขลา ชุดโครงการแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล ซึ่งอยู่ในโครงการพระราชบัญญัติการเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท
โดยวันนี้มีการรวมกลุ่มชาวบ้านสวมเสื้อสีฟ้าสกรีนว่า “เดินด้วยรัก ปกป้องอุทยานเภตรา-ตะรุเตา จากปากบารา-จะนะ” ปล่อยขบวนเดินเท้าจากที่บริเวณท่าเรือท่องเที่ยว ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล เพื่อมุ่งสู่ อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นเวลานาน 7 วัน ระยะทาง 220 กิโลเมตร ระหว่างทางมีการแจกเอกสารชี้แจงโครงการดังกล่าว และเมื่อถึงพื้นที่อำเภอท่าแพ จ.สตูล ก็จะมีการรวมพลเปิดเวทีย่อยเพื่อชี้แจงโครงการอ่างเก็บน้ำคลองช้างด้วย
นายสมบูรณ์ คำแหง กล่าวว่า วันนี้ที่ได้มารวมพลเพื่อต้องการสื่อสารร่วมกันสนับสนุนขอให้รัฐบาลถอดถอนบัญชีรายการโครงการในเส้นทางแลนด์บริดจ์ ออกจากบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อรักษาอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา และหมู่เกาะตะรุเตา และความงามของท้องทะเลทั้ง 2 ฝั่ง คือ ทะเลอันดามัน และอ่าวไทย เพื่อเก็บไว้เป็นสมบัติทางธรรมชาติต่อไป
ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการปล่อยขบวนเดินเท้า เครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูลและสงขลา ได้อ่านคำประกาศ เรื่องให้รัฐบาลถอนโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล โครงการก่อสร้างท่าเรือสวนกง จ.สงขลา และชุดโครงการแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล ออกจากบัญชีบัญญัติเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท โดยมีใจความดังนี้
คำประกาศ
เครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล และสงขลา
เรื่อง ให้รัฐบาลถอนโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล โครงการก่อสร้างท่าเรือสวนกง จังหวัดสงขลา และชุดโครงการแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล ออกจากบัญชีพระราชบัญญัติเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท
พระราชบัญญัติการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ถือเป็นโครงการกู้เงินจำนวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาไปแล้วทั้ง 3 วาระ และคาดว่าจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาในอนาคตอันใกล้นี้ แม้ว่าประชาชนคนไทยจำนวนหนึ่งจะเห็นด้วย และคล้อยตามกับการกู้เงินดังกล่าว ด้วยหวังว่าจะสร้างความเจริญให้แก่ประเทศไทย แต่บางโครงการที่ถูกบรรจุตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติฯ ได้รับการตั้งข้อสังเกตมากมายถึงความสมเหตุสมผลที่จะอ้างเพื่อการกู้เงินในครั้งนี้
ชุดโครงการแลนด์บริดจ์ สงขลา-สตูล จะมีโครงการพัฒนาในแนวทางรองรับอุตสาหกรรมหนักมากมาย ล่าสุด ได้มีแถลงจากกระทรวงพลังงานแล้วว่าแท้จริงแล้ว รัฐจะใช้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางในการขนถ่ายน้ำมัน มิใช่เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าปกติอย่างที่เข้าใจกัน และมีหลายโครงการที่ยังไม่ได้ดำเนินการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพอย่างถูกต้องตามกระบวนการ เช่น โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล, โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกบ้านสวนกง จังหวัดสงขลา โครงการขนถ่ายน้ำมันเพื่ออุตสาหกรรมหนัก เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบว่าการสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราในพื้นที่อำเภอละงู จังหวัดสตูล นอกจากจะส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดถึงผลกระทบเรื่องวิถีชีวิต สังคม วัฒนธรรม อย่างมากมายแล้ว ที่สำคัญคือ การสูญเสียพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา จะมีการเพิกถอนสภาพพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา เพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก
เส้นทางเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ จะต้องใช้เส้นทางเดินเรือผ่านช่องทางในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ซึ่งเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปะการังธรรมชาติ โดยเฉพาะปะการังอ่อนเจ็ดสี และทรัพยากรสำคัญๆ ที่มีมากมายมหาศาลในท้องทะเลบริเวณนี้ และถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดให้นักดำน้ำทั้งชาวไทย และต่างประเทศเข้ามาชื่นชมความสวยงามของทะเลสตูลจำนวนมากขึ้นทุกปี และยังเป็นอุทยานฯ ที่กำลังถูกเสนอชื่อให้เป็นมรดกโลกในไม่ช้านี้
เครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูลและสงขลา ตัดสินใจส่งตัวแทนจำนวนหนึ่ง เดินทางไกลไปตลอดเส้นทางแลนบริดจ์ สตูล-สงขลา ด้วยวิธีการเดินเท้า เพื่อเป็นการบอกกล่าวข้อมูลแก่พี่น้องตลอดรายทางเท่าที่ทำได้ และจะใช้โอกาสนี้สื่อสารถึงสาธารณะ ร่วมกันสนับสนุนขอให้รัฐบาลถอนบัญชีรายการโครงการในเส้นทางแลนด์บริดจ์ ออกจากบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติกู้เงินฯ 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อรักษาอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา และหมู่เกาะตะรุเตา และความงามของท้องทะเลทั้ง 2 ฝั่ง คือ ทะเลอันดามัน และอ่าวไทย เพื่อเก็บไว้เป็นสมบัติทางธรรมชาติของคนไทยทั้งประเทศสืบไป
ประกาศให้รับทราบโดยทั่วกัน
วันที่ 22 ตุลาคม 2556
บริเวณลานท่าเรือท่องเที่ยวปากบารา จังหวัดสตูล