xs
xsm
sm
md
lg

พละแห่งพลังงานของยุคสมัย / ปิยะโชติ อินทรนิวาส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
พญาเหยี่ยวเหลียวเห็นเป็นสะท้าน
มหึมาอาคารตระหง่านหล้า
พ่นเปลวไฟปลายยอดตลอดเวลา
ไล่ทะมึนแห่งมหาชโลทร
กุ้งปูปลาตะลึงละลนละลาน
แลอลหม่านม่านเหล็กเรียงสลอน
ตอกตรึงน้ำตรึงดินหินไชชอน
ต่อท่อท่อนสะทกทะเลสะเทือน
 
เด่นสง่ามหาประภาคาร
ยุคโชติช่วงชัชวาลที่ผ่านเคลื่อน
ส่องสว่างทุกหนทางได้ย่างเยือน
ทุกชานเรือนเหมือนสิทธิเท่าเทียมทัน
เป็นหมุดหมายฉายชี้วิถีท่อง
ตามครรลองโลกสลักปักปันปั้น
ในนามว่าพัฒนาสารพัน
แล้วจัดสรรประโยชน์สู่ทุกหมู่คน
เป็นเครื่องชี้ชะตาสารพัด
นำพารัฐนาวาฝ่าทุกหน
เติมนาวาวาดฝันทุกชั้นชน
แต่งนาวาชีวิตตนบนหนทาง
ครอบสังคมเคลิ้มฝันถึงวันพรุ่ง
อันเรืองรุ้งอิสราทาบฟ้ากว้าง
เสมอภาค-ภราดรภาพเลือนราง
ก็กระจะกระจ่างแจ่มกลางใจ
ฝันประชาธิปไตยพร่างพรายพล่าน
แผ่กิ่งก้านกางโอ่ดุจโพธิ์ใหญ่
สูบน้ำเลี้ยงลำเลียงทั่วทุกดอกใบ
จากรากไหลไปยอดให้ร่มเย็น
ดันเส้นเศรษฐกิจซ่านทะยานสูง
ดั่งยางยูงเหยียดต้นให้คนเห็น
พลิกไร่นาป่าเขาแค้นลำเค็ญ
กลายเป็นป่าเมืองเรืองอุตสาหการ
สร้างกลุ่มก๊วนการเมืองเขื่องอำนาจ
จนเผด็จเด็ดขาดคุมทุกด้าน
สานสัมพันธ์มั่นหนุนทุนโลกบาล
ให้คืบคลานครอบงำล้ำอิทธิฤทธิ์
เสกเส้นสนกลในโยงใยระยับ
ร้อยเรื่องราวเร้นลับเล่ห์เหลี่ยมลิขิต
ใช้เงินตราตรานิยามตามนิมิต
เอามือปิดปกหล้าอย่างท้าทาย
 
สัญญาณไฟให้แสงสำแดงหน
จึงท่วมท้นทอหวังถั่งเป็นสาย
ไฟที่รุกเร้าผลาญพานละลาย
ฝันจึงกลายกลับทิศอนิจจา
พลันผู้คนยลเห็นความเป็นไป
ความยิ่งใหญ่ใช่ใหญ่ยิ่งอิงคุณค่า
หากไร้ธรรมค้ำจุนหนุนเนื่องมา
รับทุกข์ถาถมโถมกระโจมไฟ
 
ปิยะโชติ  อินทรนิวาส
 
 
(หมายเหตุ : พิมพ์ครั้งแรกคอลัมน์ “กวีทรรศน์” ในเนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 ตุลาคม 2556 โดยมี “บุปผาวลี-วิถีทัศน์” ความว่า โลกคือธุลีวัตถุเล็กๆ ที่ปลิวพัดอยู่ในจักรวาลอันเวิ้งว้าง แต่ทว่า มีพละกำลังอันยิ่งใหญ่ในหลายมิติโดยตัวของมันเอง ในขณะที่ธรรมชาติส่วนหนึ่งได้เนรมิตดินแดนแห่งสรวงสวรรค์อันงดงาม อีกมุมแห่งหายนภัยก็ปรากฏให้พบเห็นไปพร้อมๆ กัน วิวัฒนาการอันทรงพลังของมนุษย์ก็เช่นเดียวกัน ขณะที่ส่วนหนึ่งได้วางรากฐานปรับความสมดุลทั้งทางวัตถุธรรม และคติธรรม เพื่อเป็นการยกระดับความดีงามให้ทุกส่วนก้าวไปพร้อมกันอย่างมีสันติสุข แต่อีกส่วนหนึ่งของพลังอำนาจชั่วร้ายยังไม่หยุดความพยายามทุกวิถีทางในการกวาดต้อนเอาผู้คนเข้ามาอยู่ในเบ้าหลอมแบบแผนลัทธิใหม่ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา เพื่อแสวงประโยชน์ราคะไฟแห่งปรารถนาได้ลุกโชนโชติช่วงเผาผลาญความเป็นนักประชาธิปไตยของชนชั้นนำมากขึ้น ความเชี่ยวชาญในการสร้างกับดักหลุมพรางถูกดึงออกมาใช้มากกว่าพลังสร้างสรรค์ประเทศชาติอย่างแท้จริง ชนชั้นปกครองใดหากปราศจากซึ่ง พละ ๕ หรือ อินทรีย์พละ ๕ ประการ คือ 1.ศรัทธาพละ ความเชื่อ กำลังการควบคุมความสงสัย 2.วิริยะพละ ความเพียร กำลังความควบคุมความเกียจคร้าน 3.สติพละ ความระลึกได้ กำลังการควบคุมความประมาท ไม่ใส่ใจ ใจลอย ไร้สติ 4.สมาธิพละ ความตั้งใจมั่น ดังการควบคุมการวอกแวกแขวงไขว้ ฟุ้งซ่าน 5.ปัญญาพละ ความรอบรู้ กำลังการควบคุมเพิกเฉยไม่สนใจ หลงงมงาย ชนชั้นบริหารนักปกครองนั้นๆ ก็เหมือนกำลังนำพาประชาชนของประเทศเดินลงสู่เรือกระดาษอันบอบบาง ฝ่าคลื่นมหาสมุทรอันน่าสะพรึงกลัว!)
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น