xs
xsm
sm
md
lg

“ปราบ” แจงพร้อมรื้อแนวกันคลื่นถ้ารุกหาดจริง ฝากถึง รมว.ทท.ไม่ขอแฉใคร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น นำสื่อมวลชนดูแนวกันคลื่นหน้าโรงแรม ป่าตอง เบย์ การ์เด้นท์ รีสอร์ท หาดป่าตอง
ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ปรีชาวุฒิ กี่สิ้น” แจงข้อกล่าวหาโรงแรมป่าตอง เบย์ฯ รุกชายหาดทำแนวกันคลื่นกัดเซาะบนที่ดิน น.ส.3 ก. ยินดีให้ตรวจสอบ หากรุกหาดพร้อมรื้อถอนทันที ฝากถึง รมว.ท่องเที่ยวยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทุกเรื่อง แต่จะไม่ขอแฉถึงบุคคลอื่นๆ ด้วยคติไม่ฟ้องนายไม่ขายเพื่อน
นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น
นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น กรรมการผู้จัดการ บริษัท พิโซน่า กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารโรงแรม ป่าตอง เบย์ การ์เด้นท์ รีสอร์ท อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เปิดเผยถึงข้อเท็จจริงกรณีที่นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในภูเก็ต เข้าตรวจพื้นที่ชายหาดหน้าโรงแรม ป่าตอง เบย์ การ์เด้นท์ รีสอร์ท เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และดีเอสไอได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าโรงแรมดังกล่าวได้ก่อสร้างแนวกันคลื่นบุกรุกชายหาดป่าตอง ว่า

ยินดีที่จะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบตามคำร้องเรียนว่าโรงแรมได้ก่อสร้างแนวกันคลื่นรุกล้ำเข้าไปบนชายหาด ซึ่งอยากจะชี้แจงว่า โรงแรมป่าตอง เบย์ ได้ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2528 และหลังจากที่ตนได้เข้ามาบริหารเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ปรากฏว่า ชายหาดบริเวณดังกล่าวได้ถูกคลื่นกัดเซาะเข้ามาอย่างต่อเนื่องและรุนแรงขึ้นทุกปี ทางโรงแรมจึงได้ทำแนวกันคลื่นทั้งที่เป็นแบบถุงทราย ใช้ไม้ตอกเป็นแนว และทำเป็นกำแพงปู ซึ่งแต่ละปีต้องใช้เงินในการดำเนินการหลายแสนบาท ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้คลื่นกัดเซาะเข้ามาอีก เพราะเกรงว่าหากมีการกัดเซาะโดยไม่มีการป้องกันชายหาดจะถูกกัดเซาะมาจนถึงสระน้ำ และอาจทำให้อาคารโรงแรมทรุดตัวได้ จะเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวที่เข้าพักภายในโรงแรมได้

โดยแนวกันคลื่นดังกล่าวมีความยาวประมาณ 15-20 เมตร จากความยาวหน้าหาดของโรงแรม 60 เมตร และตนก็เชื่อมั่นว่า ได้ดำเนินการในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิที่เป็น น.ส.3 ก. ส่วนที่กันคลื่นจะรุกล้ำชายหาดหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่ก็พร้อมที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ หากพบว่ามีการรุกล้ำชายหาดจริงๆ ก็พร้อมที่จะรื้อถอนแนวกันคลื่นดังกล่าว ตนและทางโรงแรมไม่ได้มีเจตนาที่จะรุกล้ำชายหาดแต่อย่างใด และการทำแนวกันคลื่นดังกล่าวก็ทำไปตามแนวธรรมชาติ

นายปรีชาวุฒิ กล่าวอีกว่า การมาตรวจสอบโรงแรมของคณะรัฐมนตรีท่องเที่ยวในครั้งนี้ หากมาตรวจสอบด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรแอบแฝงตนก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทุกๆ เรื่อง ซึ่งตนก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า ทำไมต้องเป็นโรงแรมป่าตอง เบย์ ของนายปราบ ลูกชายนายเปี่ยน ทั้งๆ ที่ชายหาดหน้าโรงแรมอื่นก็มีการก่อสร้างแนวกันคลื่นเหมือนกัน ซึ่งตนเชื่อว่าใครทำอะไรไว้เวรกรรมย่อมมีจริง และตัวเองก็ยังยืนยันที่จะไม่ทำอะไรให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ที่ดีของหาดป่าตอง เพราะหาดป่าตองเป็นที่ที่ตนอยู่มาตั้งแต่เด็ก

“ไม่ทราบเหมือนกันว่ารัฐมนตรีท่องเที่ยว และดีเอสไอได้ข้อมูลมาอย่างไร ที่ระบุว่าตนเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล ทั้งๆ ที่ทำงานด้านสังคมทั้งในระดับพื้นที่ป่าตอง และภูเก็ตมาโดยตลอด ถ้าการมีพรรคพวกจำนวนมากเป็นมาเฟียตนก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไรเหมือนกัน ตนอยู่ป่าตองมาตั้งแต่เกิด การมีเพื่อน มีพวกจำนวนมากย่อมเป็นเรื่องธรรมดา” นายปรีชาวุฒิ กล่าวและว่า

ก่อนหน้านี้ ตนได้เดินทางไปพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่กระทรวงมาแล้ว เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ของตนที่ได้ดำเนินการจัดระเบียบรถแท็กซี่ที่บริเวณหน้าห้างจังซีลอนให้เป็นระบบ ซึ่งตนได้บอกแก่รัฐมนตรีฯ ไปว่ายินดีที่จะให้ความร่วมมือทุกอย่างในการตรวจสอบ แต่ถ้าจะให้แฉคนโน้น คนนี้ว่าเป็นอย่างไร ทำอะไรอยู่ที่ไหนนั้น ตนได้บอกแก่รัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ ไปแล้วว่า “ไม่แฉ ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน” ซึ่งทุกคนน่าจะรู้กันดีว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร ทำไม่จะต้องให้ตนแฉด้วย มาเฟียตัวจริงใครๆ ก็รู้ว่าเป็นใคร และทุกคนก็เชื่อว่ามีจริง ซึ่งคนที่จะเป็นมาเฟียได้นั้นจะต้องมีอำนาจกฎหมายอยู่ในมือ คนปกติทั่วไปจะเป็นอย่างมาเฟียได้อย่างไร

นายปรีชาวุฒิ กล่าวในตอนท้ายว่า เชื่อว่าการแก้ปัญหาแท็กซี่ป้ายดำนั้นจะสำเร็จได้ จะต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐก่อน โดยการบูรณาการระหว่างฝ่ายปกครอง ขนส่ง และตำรวจ และดำเนินการอย่างจริงจัง คิดว่าน่าที่จะจัดระเบียบด้วย เพราะคิวที่หน้าจังซีลอนน่าที่จะเป็นโมเดลให้คิวอื่นๆ ดำเนินการได้ ทั้งในเรื่องของรถ คนขับรถ และการจัดระบบคิว เป็นต้น
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น