ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ ควงดีเอสไอลงพื้นที่ภูเก็ต ติดตามความคืบหน้าแก้มาเฟียแท็กซี่ป้ายดำ แต่พลาดเป้าเพราะข่าวรั่ว เปลี่ยนแผนบุกตรวจโรงแรมที่ถูกร้องเรียนว่ารุกที่ชายหาด แต่ผลการตรวจสอบยังไม่ชี้ชัดว่ารุกหาดหรือไม่ ต้องรอตรวจสอบเอกสารสิทธิอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (14 ต.ค.) ที่โรงแรมป่าตอง เบย์ การ์เด้นท์ รีสอร์ท อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย ดร.สุวัตร สิทธิทองหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตลอดจนผู้บริหารกระทรวงฯ และเจ้าหน้าที่ ตรวจติดตาม และรับฟังผลการปฎิบัติงานและแผนงานในช่วงปลายปี 2556 ของศูนย์ปฎิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เป็นภัยต่อการท่องเที่ยว (ศป.อท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายวีระ เกิดสิริมงคล นายอำเภอกะทู้ พ.ต.อ.สมบูรณ์ สารสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สภ.กะทู้ นายชัยรัตน์ สุขบาล รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง นายประพัฒ หน่ายคอน นักวิชาการที่ดินชำนาญการ สำนักงานที่ดินอำเภอกะทู้ นายสาคร ปู่คำ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่กองปราบปราม และตำรวจท่องเที่ยวเข้าร่วม
นายสมศักย์ กล่าวภายหลังหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า การลงพื้นที่ดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ร้องขอไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ให้ช่วยแก้ไขปัญหาที่ทางเอกอัครราชทูตอียู และอีกหลายประเทศได้ร้องขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นสื่อกลางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ซึ่งมีหลายลักษณะ โดยปัญหาเรื่องของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั้งทางน้ำ และทางบกนั้นไม่ได้ติดใจมากนัก แต่มีข้อสังเกตเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย และมาตรการในการช่วยชีวิตไม่เป็นไปตามมาตรฐานและการช่วยเหลือไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
“สิ่งที่ทูตแต่ละประเทศเน้นย้ำ คือ การหลอกลวงนักท่องเที่ยว ทั้งการเดินทาง และการซื้อขายสิ่งของต่างๆ ในแหล่งท่องเที่ยวที่มีราคาสูง ตลอดจนการทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวอันเนื่องมาจากการเข้าพักอาศัยหรือโรงแรมต่างๆ ทำไมจะต้องมีการบังคับ และขู่เข็ญให้ใช้บริการของแท็กซี่ที่อยู่หน้าโรงแรม หรือแท็กซี่ที่รับผู้โดยสารจากสนามบินมายังตัวเมือง หรือชายหาดต่างๆ ราคาไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และเมื่อมีการสอบถามราคาผู้ขับขี่รถแท็กซี่ก็แสดงความไม่พอใจ และบางครั้งก็มีการทำร้ายนักท่องเที่ยว หรือไล่นักท่องเที่ยวลงจากรถ นอกจากนี้ มีอีกกรณีการลวนลามนักท่องเที่ยวจีนซึ่งทางทูตฯ จีนไม่พอใจเป็นอย่างมาก”
นายสมศักย์ กล่าวด้วยว่า การลงมาในพื้นที่ป่าตองนั้น เพื่อติดตามกรณีการสืบสวนข้อเท็จจริงของดีเอสไอ หลังจากที่มีข้อมูลว่ามีผู้บุคคลซึ่งเข้าข่ายการกระทำตนในลักษณะผู้มีอิทธิพลจำนวนหนึ่ง และมาติดตามว่าบุคคลเหล่านี้ประกอบธุรกิจอะไรที่ผิดกฎหมายบ้างหรือไม่ เป็นการมาติดตามดูว่าการดำเนินการของดีเอสไอ นั้นมีอะไรที่เชื่อมโยงไปกับพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียนหรือไม่
“ภารกิจการลงพื้นที่ในช่วงเช้าที่ผ่านมาถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากข่าวรั่ว ส่วนจะเป็นด้วยเหตุใดก็ไม่ว่ากัน แต่โอกาสหน้าจะลงพื้นที่มาอีก ซึ่งมีความจริงจังในการแก้ปัญหาแท็กซี่นั้น ความจริงแล้วต้องขึ้นอยู่กับพื้นที่ หากมีการรวมตัวกันไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือภาคประชาชน และผู้ประกอบการ ปัญหาดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น ทำไมที่อื่นจึงไม่มีปัญหาดังกล่าว อาจจะเป็นเพราะการรวมตัวกันของผู้ประกอบการแท็กซี่มีการแย่งผู้โดยสารกันจนกระทั่งมีการทำร้ายร่างกายกัน แม้กระทั่งกับลูกคิว จนเป็นเหตุให้ดีเอสไอทำการจับกุมไปแล้วบางส่วน เพราะผู้ถูกทำร้ายมีการร้องขอว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเป็นผลมาจากการร้องขอจากทูต ว่า ทำไมมีการขูดรีดเรียกค่าโดยสาร และพฤติกรรมของแท็กซี่บางส่วนที่ไม่น่าไว้วางใจ”
นายสมศักย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนหนึ่งของการลงมาในพื้นที่เพื่อพูดคุยกับผู้ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ว่าทำไมในลักษณะการดำเนินการที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ในพื้นที่บางแห่งหากเรามีผู้มีบารมีมาช่วยจัดระเบียบทำให้สังคมเป็นสุข เช่น กรณีของหาดบางแสนที่สามารถจัดระเบียบได้ดี เป็นต้น แล้วทำไมภูเก็ตมีหาดทรายสวยงาม มีนักท่องเที่ยวมากมาย ทำไมจึงมีเหตุการณ์ที่ทำให้ทูตานุทูตไม่พอใจจนนำมาสู่การร้องเรียนดังกล่าว
“กรณีปัญหาแท็กซี่นั้นมีความเป็นไปได้ที่จะผลักดันให้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่า หากยังมีพฤติการณ์รุนแรง เพราะก่อนหน้านี้ 2-3 วัน ยังได้รับการร้องเรียนจากผู้ที่ใช้บริการจากบริษัทนำเที่ยว ซึ่งไม่สามารถส่งรถมารับผู้โดยสาร หรือนักท่องเที่ยวออกจากโรงแรมได้ เนื่องจากเจอแท็กซี่หน้าโรงแรมกีดกัน และยังมีผู้บริหารระดับรัฐมนตรีก็เคยเล่าให้ฟังว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเล่าให้ฟังว่า มีการเอามีดจี้คอไม่ให้เข้าไป หากจะออกไปก็ต้องใช้บริการรถแท็กซี่หน้าโรงแรมเท่านั้น”
นายสมศักย์ กล่าวถึงสาเหตุที่ปัญหาดังกล่าวยังไม่หมดไปว่า ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาข่าวรั่วทั้งที่มีการเตรียมการมาดี แต่รั่วจุดใดก็มาว่าตรวจสอบกันอีกครั้ง และจากการไม่เจอผู้ที่ถูกกล่าวหานั้น ได้บอกแก่ทางดีเอสไอว่า ทุกคนที่ทางดีเอสไอ สันนิษฐานว่าเป็นผู้มีอิทธิพล และยุ่งเกี่ยวในเรื่องของกิจการที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญกับนักท่องเที่ยว อยากให้เป็นผู้มีบารมีมากกว่าที่มาช่วยเหลือสังคมจะมากน้อยขึ้นอยู่กับทางราชการว่าจะเข้าไปพูดคุยหรือจัดระเบียบ เพื่อจะได้มีคำตอบไปพูดคุยกับทางทูตานุทูตได้ เพราะหลังจากที่มีการตั้ง ศป.อท.ขึ้นมาก็มีความพอใจในระดับหนึ่ง แต่มีเฉพาะบางคดีที่เขาติดตามอยู่ เพราะจริงๆ แล้วเรื่องดังกล่าวไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ โดยตรง แต่เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และกระทรวงอื่นๆ ที่ต้องบูรณาการ แต่เหตุที่จะต้องเข้ามาเพราะได้มีการร้องขอจากทูตานุทูต และเอาผลไปแจ้งให้ทราบ รวมทั้งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย ดร.สุวัตร สิทธิทองหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ต.ท.สมบูรณ์ สารสิทธิ์ ผู้บังคับการสำนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ของศูนย์ปฎิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เป็นภัยต่อการท่องเที่ยว (ศป.อท.) นายสาคร ปู่คำ นักวิชาการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขา ภูเก็ต ลงตรวจสอบริเวณชายหาดหน้าโรงแรมป่าตองเบย์ การ์เด้น รีสอร์ท เพื่อตรวจสอบข้อจริงในเบื้องต้น หลังมีการร้องเรียนไปยังดีเอสไอ และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ว่ามีการการปรับพื้นที่สร้างกำแพงบริเวณชายหาดหน้าโรงแรม รวมทั้งมีการนำกระสอบทรายมาวางเป็นแนวกันคลื่น
จากการตรวจสอบพบว่า บริเวณชายหาดดังกล่าวมีการปรับพื้นที่จริง โดยมีการสร้างกำแพง และนำกระสอบทรายมาทำเป็นแนวสูงประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 15 เมตร โดยนายสาคร ปู่คำ นักวิชาการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขา ภูเก็ต ชี้แจงต่อคณะที่ลงตรวจสอบ ว่า จากการดูด้วยสายตาในเบื้องต้นพบแนวกำแพง และกระสอบทรายอยู่บนชายหาด แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการตรวจสอบเปรียบเทียบกับเอกสารสิทธิที่ดินของทางโรงแรมว่าโรงแรมมีแนวเขตสิ้นสุดแค่ไหน ซึ่งจะต้องมีการประสานขอข้อมูลจากทางโรงแรมต่อไป สำหรับการตรวจสอบในวันนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าการปรับพื้นที่ดังกล่าวผิดหรือไม่ จนกว่าจะมีการตรวจแล้วเสร็จ
ซึ่งในเบื้องต้น ตัวแทนจากสำนักงานที่ดินอำเภอกะทู้ ได้ชี้แจ้งว่า บริเวณดังกล่าวมีเอกสารสิทธิเป็น น.ส.3 จำนวน 2 ฉบับ เนื้อที่รวม 2 ไร่เศษ ด้านหน้าทิศถนนทวีวงศ์ ด้านหลังติดทะเลอ่าวป่าตอง