ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ ภูเก็ตนั่งหัวโต๊ะแก้ปัญหาสารพัดท่องเที่ยวผ่านเวทีท่องเที่ยวภูเก็ต ดึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วม พร้อมติดตามความคืบหน้าแก้ปัญหาแท็กซี่ป้ายดำ-เจ็ตสกี ดีเอสไอเผยร่วมขนส่งจับแท็กซี่ป้ายดำแล้วกว่า 400 ราย เตรียมเรียกคนอยู่เบื้องหลังแท็กซี่ป้ายดำหลังมาสอบ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (3 ก.ย.) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุม “เวทีการท่องเที่ยว” ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่ารากชารจังหวัดภูเก็ต นายธีรยุทธ์ ประเสริฐผล ขนส่งจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วม ทั้งเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ และภาคเอกชนเข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุมชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ นายธีรยุทธ์ ประเสริฐผล ขนส่งจังหวัดภูเก็ต ได้รายงานถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำ และรถลิมูซีนในพื้นที่ ซึ่งการดำเนินการมีความคืบหน้าไปในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในส่วนของการแก้ไขปัญหารถแท็กซี่ในพื้นที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งจุดนี้ทางท่าอากาศยานภูเก็ต ยังไม่ต่อสัญญาสัมปทานให้แก่ผู้ประกอบการรถลิมูซีนในท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งหมดสัญญาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้รถลิมูซีนที่วิ่งให้บริการอยู่ในขณะนี้เป็นรถที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งล่าสุด ทางขนส่งจังหวัด ได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาโดยการยกระดับลิมูซีนเป็นแท็กซี่มิเตอร์ ซึ่งได้มีการหารือกันในเรื่องของราคา โดยในเบื้องต้นได้มีการขอปรับราคามิเตอร์ให้สูงขึ้นจากที่เคยขอเมื่อปี 2546 เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 70% จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น สำหรับราคาค่าแท็กซี่ที่คิดว่าเหมะสมสำหรับจังหวัดภูเก็ตหลายฝ่ายมีมติอยู่ที่ 2 กิโลเมตรแรก 50 บาท กิโลเมตรที่ 3-22 กิโลเมตรละ 11 บาท หลังกิโลเมตรที่ 22 ไป อยู่ที่กิโลเมตรละ 9 บาท ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาเรื่องค่าขนส่งเห็นชอบ และเสนอให้กระทรวงคมนาคมอนุมัติต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรถที่จะเข้าร่วมนั้นยังมีข้อจำกัดซึ่ งเรื่องนี้ทางขนส่งจังหวัดจะเสนอไปยังกระทรวงขอผ่อนผ่อนเรื่องของรถที่จะนำมาใช้ ซึ่งรถที่จะทำมาทำแท็กซี่มิเตอร์จะต้องเป็นรถที่อายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี และใช้ได้ถึงอายุ 9 ปี หลังจากนั้น ก็ต้องเปลี่ยน ส่วนเรื่องสีรถก็เช่นเดียวกัน โดยรถที่เป็นนิติบุคคลจะต้องเป็นสีเหลือง น้ำเงิน ถ้าเป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคลจะใช้สีแดง-น้ำเงิน ซึ่งรถเหล่านี้คงจะเปลี่ยนไม่ทันภายในเดือน ก.ย.นี้จึงจะต้องขอผ่อนผันออกไปก่อน ขณะที่รถแท็กซี่ป้ายดำตามคิวต่างๆ นั้นจะนำข้อมูลบุคคล และคิวรถมอบให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ
ขณะที่ พ.ต.ต.นิมิตร พรหมมา พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ ปฏิบัติการร่วมเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เป็นภัยต่อการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต (ศปอท.จ.ภูเก็ต) กล่าวว่า ในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องของแท็กซี่มิเตอร์ป้ายดำในช่วงที่ผ่านมาร ะหว่างวันที่ 9-29 ส.ค ทางดีเดสไอ โดย ศปอท.ภูเก็ตไ ด้ร่วมกับทางขนส่งจังหวัดตั้งด่านตรวจจับรถแท็กซี่ป้ายดำในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งจากการดำเนินการสามารถจับกุมรถแท็กซี่ป้ายดำได้ประมาณ 400 คน ซึ่งทางขนส่งก็ได้ดำเนินการปรับไปตามกฎหมายใช้รถผิดประเภท นอกจากนั้นยังมีการสอบสวนเกี่ยวกับบุคคลที่อยู่เบื้องหลังของแท็กซี่ป้ายดำ ซึ่งจะมีการเรียกตัวมาสอบปากคำต่อไป
ขณะที่ นายสมชาย สุวรรณเกตุ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรม Katima ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเขาแดง หาดกะหลิม ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวเกี่ยวกับปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการโรงแรม ว่า ขณะนี้ก็ยังมีผู้ประกอบการรถแท็กซี่ป้ายดำบางกลุ่มที่ยังถือวิสาสะเข้าตรวจสอบใบสั่งงานของเอเยนต์ทัวร์ที่ส่งรถมารับแขกในโรงแรม ทำให้นักท่องเที่ยว และเอเยนต์ทัวร์เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งทางเอเยนต์ทัวร์ต้องการที่จะให้ทางโรงแรมแก้ไขปัญหาเหล่านี้ก่อนที่จะไม่ส่งแขกเข้าพัก ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้หารือกับทางรถแท็กซี่ป้ายดำซึ่งได้รับความร่วมมือในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีบางรายที่ยังเข้ามาตรวจสอบเรื่องใบสั่งงานอยู่ จึงอยากให้ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย
ขณะที่ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาแท็กซี่ป้ายดำนั้น ทางจังหวัดจะเร่งดำเนินการแต่การทำงานต้องเป็นไปตามระบบ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแท็กซี่ตามโรงแรมที่ทำตัวมีปัญหาทางจังหวัดจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายไมตรี ยังได้กล่าวต่อไปถึงปัญหาเรื่องของเจ็ตสกีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุจากเจ็ตสกีเกิดขึ้น 2 ราย รายแรกเกิดขึ้นในพื้นที่หาดกะรน นักท่องเที่ยวเช่าเจ็ตสกีออกไปประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ และทรายเข้าไปในเครื่องยนต์ ช่างประเมินราคาจะต้องเสียค่าซ่อม 40,000 บาท และอีกรายนักท่องเที่ยวจีนเช่าเจ็ตสกีที่หาดป่าตองออกไปขับ และเกิดเฉี่ยวชนกับเรือลากร่ม ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งทั้ง 2 ราย ตนก็ได้เข้าไปดูแลและแก้ไขปัญหา ซึ่งในเบื้องต้นสามารถตกลงกันได้ แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลเรื่องของการแนวเขตสำหรับเรือลากร่ม และเจ็ตสกีเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
ขณะที่ นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิสุทธ์ เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวว่า ปกติเรื่องของการกั้นเขตสำหรับเรือลากร่ม เจ็ตสกีนั้นได้มีการดำเนินการอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้เป็นช่วงมรสุมไม่สามารถติดตั้งทุ่นได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 กรณี เป็นเรื่องของอุบัติเหตุที่เกิดจากคนขับเรือเอง ส่วนเรื่องของคนประกบดังกล่าวที่เจ็ตสกีนั้น เป็นความต้องการของนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะขับคนเดียว แต่ก่อนที่จะนำเรือออกไปทางเจ้าของเรือก็จะให้คำแนะนำในเรื่องของการขับขี่อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปตรวจสอบมากขึ้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (3 ก.ย.) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุม “เวทีการท่องเที่ยว” ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่ารากชารจังหวัดภูเก็ต นายธีรยุทธ์ ประเสริฐผล ขนส่งจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วม ทั้งเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ และภาคเอกชนเข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุมชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ นายธีรยุทธ์ ประเสริฐผล ขนส่งจังหวัดภูเก็ต ได้รายงานถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำ และรถลิมูซีนในพื้นที่ ซึ่งการดำเนินการมีความคืบหน้าไปในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในส่วนของการแก้ไขปัญหารถแท็กซี่ในพื้นที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งจุดนี้ทางท่าอากาศยานภูเก็ต ยังไม่ต่อสัญญาสัมปทานให้แก่ผู้ประกอบการรถลิมูซีนในท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งหมดสัญญาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้รถลิมูซีนที่วิ่งให้บริการอยู่ในขณะนี้เป็นรถที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งล่าสุด ทางขนส่งจังหวัด ได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาโดยการยกระดับลิมูซีนเป็นแท็กซี่มิเตอร์ ซึ่งได้มีการหารือกันในเรื่องของราคา โดยในเบื้องต้นได้มีการขอปรับราคามิเตอร์ให้สูงขึ้นจากที่เคยขอเมื่อปี 2546 เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 70% จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น สำหรับราคาค่าแท็กซี่ที่คิดว่าเหมะสมสำหรับจังหวัดภูเก็ตหลายฝ่ายมีมติอยู่ที่ 2 กิโลเมตรแรก 50 บาท กิโลเมตรที่ 3-22 กิโลเมตรละ 11 บาท หลังกิโลเมตรที่ 22 ไป อยู่ที่กิโลเมตรละ 9 บาท ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาเรื่องค่าขนส่งเห็นชอบ และเสนอให้กระทรวงคมนาคมอนุมัติต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรถที่จะเข้าร่วมนั้นยังมีข้อจำกัดซึ่ งเรื่องนี้ทางขนส่งจังหวัดจะเสนอไปยังกระทรวงขอผ่อนผ่อนเรื่องของรถที่จะนำมาใช้ ซึ่งรถที่จะทำมาทำแท็กซี่มิเตอร์จะต้องเป็นรถที่อายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี และใช้ได้ถึงอายุ 9 ปี หลังจากนั้น ก็ต้องเปลี่ยน ส่วนเรื่องสีรถก็เช่นเดียวกัน โดยรถที่เป็นนิติบุคคลจะต้องเป็นสีเหลือง น้ำเงิน ถ้าเป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคลจะใช้สีแดง-น้ำเงิน ซึ่งรถเหล่านี้คงจะเปลี่ยนไม่ทันภายในเดือน ก.ย.นี้จึงจะต้องขอผ่อนผันออกไปก่อน ขณะที่รถแท็กซี่ป้ายดำตามคิวต่างๆ นั้นจะนำข้อมูลบุคคล และคิวรถมอบให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ
ขณะที่ พ.ต.ต.นิมิตร พรหมมา พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ ปฏิบัติการร่วมเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เป็นภัยต่อการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต (ศปอท.จ.ภูเก็ต) กล่าวว่า ในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องของแท็กซี่มิเตอร์ป้ายดำในช่วงที่ผ่านมาร ะหว่างวันที่ 9-29 ส.ค ทางดีเดสไอ โดย ศปอท.ภูเก็ตไ ด้ร่วมกับทางขนส่งจังหวัดตั้งด่านตรวจจับรถแท็กซี่ป้ายดำในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งจากการดำเนินการสามารถจับกุมรถแท็กซี่ป้ายดำได้ประมาณ 400 คน ซึ่งทางขนส่งก็ได้ดำเนินการปรับไปตามกฎหมายใช้รถผิดประเภท นอกจากนั้นยังมีการสอบสวนเกี่ยวกับบุคคลที่อยู่เบื้องหลังของแท็กซี่ป้ายดำ ซึ่งจะมีการเรียกตัวมาสอบปากคำต่อไป
ขณะที่ นายสมชาย สุวรรณเกตุ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรม Katima ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเขาแดง หาดกะหลิม ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวเกี่ยวกับปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการโรงแรม ว่า ขณะนี้ก็ยังมีผู้ประกอบการรถแท็กซี่ป้ายดำบางกลุ่มที่ยังถือวิสาสะเข้าตรวจสอบใบสั่งงานของเอเยนต์ทัวร์ที่ส่งรถมารับแขกในโรงแรม ทำให้นักท่องเที่ยว และเอเยนต์ทัวร์เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งทางเอเยนต์ทัวร์ต้องการที่จะให้ทางโรงแรมแก้ไขปัญหาเหล่านี้ก่อนที่จะไม่ส่งแขกเข้าพัก ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้หารือกับทางรถแท็กซี่ป้ายดำซึ่งได้รับความร่วมมือในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีบางรายที่ยังเข้ามาตรวจสอบเรื่องใบสั่งงานอยู่ จึงอยากให้ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย
ขณะที่ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาแท็กซี่ป้ายดำนั้น ทางจังหวัดจะเร่งดำเนินการแต่การทำงานต้องเป็นไปตามระบบ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแท็กซี่ตามโรงแรมที่ทำตัวมีปัญหาทางจังหวัดจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายไมตรี ยังได้กล่าวต่อไปถึงปัญหาเรื่องของเจ็ตสกีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุจากเจ็ตสกีเกิดขึ้น 2 ราย รายแรกเกิดขึ้นในพื้นที่หาดกะรน นักท่องเที่ยวเช่าเจ็ตสกีออกไปประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ และทรายเข้าไปในเครื่องยนต์ ช่างประเมินราคาจะต้องเสียค่าซ่อม 40,000 บาท และอีกรายนักท่องเที่ยวจีนเช่าเจ็ตสกีที่หาดป่าตองออกไปขับ และเกิดเฉี่ยวชนกับเรือลากร่ม ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งทั้ง 2 ราย ตนก็ได้เข้าไปดูแลและแก้ไขปัญหา ซึ่งในเบื้องต้นสามารถตกลงกันได้ แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลเรื่องของการแนวเขตสำหรับเรือลากร่ม และเจ็ตสกีเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
ขณะที่ นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิสุทธ์ เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวว่า ปกติเรื่องของการกั้นเขตสำหรับเรือลากร่ม เจ็ตสกีนั้นได้มีการดำเนินการอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้เป็นช่วงมรสุมไม่สามารถติดตั้งทุ่นได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 กรณี เป็นเรื่องของอุบัติเหตุที่เกิดจากคนขับเรือเอง ส่วนเรื่องของคนประกบดังกล่าวที่เจ็ตสกีนั้น เป็นความต้องการของนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะขับคนเดียว แต่ก่อนที่จะนำเรือออกไปทางเจ้าของเรือก็จะให้คำแนะนำในเรื่องของการขับขี่อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปตรวจสอบมากขึ้น