ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - วันจ่ายวันสารทเดือนสิบครั้งที่ 2 ที่สงขลาคึกคัก ชาวบ้านออกมาจับจ่ายซื้อขนมเดือนสิบ เตรียมใช้ทำบุญในวันสารทเดือนสิบ หรือทำบุญใหญ่ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ราคาสินค้ายังคงราคาเดิม แม้ว่าราคาต้นทุนจากวัตถุดิบจะมีราคาสูงขึ้น
วันนี้ (3 ต.ค.) บรรยากาศวันจ่ายวันสารทเดือนสิบครั้งที่ 2 ที่ จ.สงขลา เป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะที่ตลาดทรัพย์สินพลาซ่า เขตเทศบาลนครสงขลา ประชาชนได้ออกไปจับจ่ายซื้อขนมเดือนสิบกันตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งบรรดาพ่อค้าแม่ค้านำมาวางจำหน่ายให้ประชาชนได้เลือกซื้อเป็นจำนวนมาก ทั้งขนมลา ขนมต้ม ขนมเจาะหู ขนมพอง ขนมบ้า และขนมเทียน เพื่อเตรียมนำไปใช้ในการทำบุญวันสารทเดือนสิบบุญครั้งที่ 2 หรือที่เรียกว่าทำบุญใหญ่ที่วัดในวันพรุ่งนี้ (4 ต.ค.) ซึ่งประชาชนจะนำครอบครัวไปทำบุญที่วัดมากกว่าทำบุญครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม สำหรับราคาขนมเดือนสิบครั้งที่ 2 ราคาก็คงอยู่ที่ราคาเดิมเหมือนทำบุญครั้งแรก ถึงแม้ว่าราคาต้นทุนสินค้าในการผลิต โดยเฉพาะน้ำตาล แป้ง มะพร้าว และข้าวเหนียวจะปรับราคาสูงขึ้น เช่น ขนมเจาะหู ราคาขายร้อย (ชิ้น) ละ 120 บาท ขนมต้ม ร้อยละ 500 บาท ขนมเทียนอันละ 5 บาท ขนมพอง ชิ้นละ 5 บาท และขนมลา กิโลกรัมละ 120 บาท ซึ่งเป็นราคาเดิมเท่ากับในช่วงทำบุญเดือนสิบครั้งแรก
สำหรับประเพณีสารทเดือนสิบ เป็นงานบุญประเพณีของคนภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะชาวนครศรีธรรมราช เริ่มตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2466 เป็นต้นมา ที่ได้รับอิทธิพลด้านความเชื่อซึ่งมาจากทางศาสนาพราหมณ์ โดยมีการผสมผสานกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนา (ปุพฺพเปตพลี) ซึ่งเข้ามาในภายหลัง
โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของบรรพชน และญาติที่ล่วงลับ ซึ่งได้รับการปล่อยตัวมาจากนรกที่ตนต้องจองจำอยู่เนื่องจากผลกรรมที่ตนได้เคยทำไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยจะเริ่มปล่อยตัวจากนรกภูมิในวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 เพื่อมายังโลกมนุษย์โดยมีจุดประสงค์ในการมาขอส่วนบุญจากลูกหลานญาติพี่น้อง ที่ได้เตรียมการอุทิศไว้ให้เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ล่วงลับ หลังจากนั้น ก็จะกลับไปยังนรกในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10
ช่วงระยะเวลาในการประกอบพิธีกรรมของประเพณีสารทเดือนสิบจะมีขึ้น 2 ครั้ง คือ ในวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 และวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 ของทุกปี แต่สำหรับวันที่ชาวใต้มักจะนิยมทำบุญกันมาก จะเป็นการทำบุญครั้งที่ 2 ถือเป็นการทำบุญใหญ่คือ วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10