ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาฯ จัดประชุมผลการคัดเลือกแนวเส้นทาง และรูปแบบที่เหมาะสม การศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงจังหวัดภูเก็ต ใน 3 เส้นทางเลือก สรุปเส้นทางเลือกที่ 2 ตัดถนน 2 ช่องทางจราจร พร้อมเกาะกลาง ระยะทาง 22 กิโลเมตร คู่ขนานกับถนนเทพกระษัตรี เพื่อรองรับการขยายตัวของการจราจรในภูเก็ต
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (18 ก.ย.) ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน จ.เก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมผลการคัดเลือกแนวเส้นทาง และรูปแบบที่เหมาะสม (ครั้งที่ 3) การศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงจังหวัดภูเก็ต โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา ผู้มีส่วนได้เสียจากการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงจังหวัดภูเก็ต และผู้แทนจากบริษัทที่ปรึกษาฯ ประมาณ 100 คน เข้าร่วมประชุม
นายสมัคร เลือดวงหัด แขวงการทางภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันภูเก็ตเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายตัวในด้านการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม เส้นทางที่เข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวมีสภาพคดเคี้ยว โครงข่ายทางหลวงของจังหวัดภูเก็ตไม่สามารถรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และสังคมของจังหวัดภูเก็ตได้อย่างทันท่วงที ส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด และอุบัติเหตุบนเส้นทาง และจุดตัดทางแยกต่างๆ กรมทางหลวง ตระหนักดีถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาการจราจรในจังหวัดภูเก็ต จึงได้ว่าจ้างให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท ทรานส์คอนซัลท์ จำกัด บริษัท พิสุทธิ์ เทคโนโลยี จำกัด และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นผู้ดำเนินการศึกษา เพื่อศึกษาและพัฒนาระบบโครงข่ายทางหลวงที่มีอยู่เดิม และเสนอแนะแนวทางการพัฒนาเส้นทางแนวใหม่ รวมทั้งจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงในจงหวัดภูเก็ตขึ้น เพื่อเป็นแนวทางสำหรับกรมทางหลวงในการดำเนินโครงการพัฒนาทางหลวงในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดภูเก็ต
สำหรับการดำเนินการที่ผ่านมา กรมทางหลวง ได้จัดให้มีการประชุมปฐมนิเทศโครงการ (ครั้งที่ 1)เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2554 ผู้เข้าร่วมประชุม 103 คน และจัดประชุมนำเสนอบัญชีสรุปแผนงานโครงการ และโครงการนำร่องแผนแม่บท (ครั้งที่ 2) เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2555 ผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 131 คน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เป็นการนำเสนอผลการคัดเลือกแนวเส้นทางและรูปแบบที่เหมาะสม (ครั้งที่ 3) และรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งคณะผู้ศึกษาจะได้รวบรวมข้อคิดเห็นต่างๆ จากการประชุมในครั้งนี้ไปพิจารณาประกอบการศึกษา ในงานระยะที่ 2 คือ การศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อไป
ด้านนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ และเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่สำคัญ เช่น หมู่เกาะสิมิลัน อ่างพังงา หมู่เกาะพีพี และเกาะเล็กๆ และเกาะภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ปัจจุบัน มีปริมาณการจราจรหนาแน่นมาก เส้นทางที่เข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวมีสภาพคดเคี้ยว และมีชุมชนหนาแน่นตามแนวเส้นทาง จากปัญหาอุปสรรคดังกล่าว ทำให้โครงข่ายทางหลวงของจังหวัดภูเก็ต ไม่สามารถรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และสังคมของจังหวัดภูเก็ตได้อย่างทันท่วงที การศึกษาหาแนวทางการแก้ไข และรูปแบบการปรับปรุงในการจัดทำแผนแม่บท การพัฒนาโครงข่ายทางหลวงจังหวัดภูเก็ต อย่างเป็นระบบจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนตัวของการจราจรภายในจังหวัดภูเก็ตให้เป็นไปอย่างสะดวก และปลอดภัย ช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะส่งเสริมให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“การประชุมในวันนี้ ทางบริษัทที่ปรึกษาฯ ได้มานำเสนอผลการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการลงทุน และความคุ้มค่า รวมทั้งวิศวกรรมจราจรของเส้นทางหลัก ซึ่งเราใช้คำว่า เส้นกระดูกสันหลัง นอกจาก 402 เส้นเทพกระษัตรีแล้ว ก็จะมีการทำถนนเส้นจากสนามบินภูเก็ต ออกมาถึงสาคู และเกาะแก้ว ระยะทางประมาณ 21 กิโลเมตร ก็จะมี 3 เส้นทางเลือก โดยเส้นทางที่เหมาะสมจะเป็นเส้นทางเลือกที่ 2 ซึ่งคุ้มค่าต่อเศรษฐกิจ ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาก และจะทำให้มีการขยายเส้นทางในอนาคตต่อไปได้ดี ซึ่งจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 8,500 ล้านบาท” นายไมตรี กล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวันนี้ทางบริษัทที่ปรึกษาก็ได้นำเอาเส้นทางเลือกทั้ง 3 เส้นทางมาให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบ และรับฟังข้อคิดเห็น ซึ่งคณะผู้ศึกษาจะได้รวบรวมข้อคิดเห็นต่างๆ เสนอต่อจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาในลำดับต่อไป
สำหรับเส้นทางที่ 2 ที่มีความเหมาะสมมากที่สุดนั้น จะมีการปรับปรุง/ขยายถนนเดิม เขตทาง 40 เมตร ซึ่งจะเป็นถนนช่วงทับถนนเดิม (ทางหลวงหมายเลข 4031) โดยรูปแบบจะเป็นการปรับปรุง/ขยายถนนเดิมจาก 2 ช่องจราจร เกาะกลางถนน ระยะทางประมาณ 4.5 กิโลเมตร เริ่มจากสามแยกสนามบิน-สาคู-บ้านนบปริง หลังจากนั้น จะเป็นการตัดถนนใหม่เชื่อมตั้งแต่บ้านนบปริง ผ่านบ้านพรุสมภาร บ้านดอน บ้านยา บ้านม่านิก ร.ร.นานาชาติบริติช และมาเชื่อมกับถนนบายพาส ที่ ต.เกาะแก้ว รวมระยะทางทั้งหมด 22 กิโลเมตร
