ปัตตานี - สมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เตรียมหารือกับ กอ.รมน.ภ.4 ส่วนหน้า ทบทวนแผนรักษาความปลอดภัยครูหลังเกิดระเบิดใกล้โรงเรียน ย้ำครู และบุคลกร รวมถึงนักเรียนต้องเดินทางอย่างไม่ประมาท และจะเร่งตั้งศูนย์ช่วยเหลือครูใต้เพื่อเป็นความหวังของครูที่ต้องการความช่วยเหลือ พร้อมบี้รัฐบาลเรื่องเงินช่วยเหลือพิเศษ
วันนี้ (11 ก.ย.) ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปัตตานี เขต 1 นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมประธานสมาพันธ์ครู จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ได้ร่วมประชุมผู้อำนวยการโรงเรียน และบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อทบทวนถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยครู หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุดดูแลความปลอดภัยครูเสียชีวิต 2 นาย เหตุเกิดภายในบริเวณโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง 2 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยที่ประชุมได้มีการหารือถึงข้อห่วงใยที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีการปรับยุทธวิธีในการลอบก่อเหตุต่อเจ้าหน้าที่ชุดดูแลความปลอดภัยครูที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น ทั้งขณะเดินทางและในช่วงที่อยู่โรงเรียน จนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนอาจจะได้รับอันตรายจากลูกหลง ซึ่งในขั้นต้นที่ประชุมได้กำชับให้สมาพันธ์ครูแต่ละจังหวัด ประสานต่อผู้อำนวยการของแต่ละโรงเรียน ให้มีการเน้นย้ำเพื่อนครู และนักเรียนเพิ่มความระมัดระวังตนเองมากขึ้น ทั้งในขณะเดินทาง และอยู่ในโรงเรียน จนกว่าจะมีการหารือถึงมาตรการ และการป้องกันกับหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะ กอ.รมน.ภาค.4 สน.อีกครั้ง
นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า จากการสังเกตของทางสมาพันธ์พบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุพุ่งเป้าไปยังเจ้าหน้าที่เป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเกี่ยวข้องกับการดูแลความปลอดภัยครูที่ยังกระทบต่อโรงเรียน อย่างเช่นล่าสุด เหตุระเบิดที่ จ.ยะลา เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทางสมาพันธ์ครูจะได้กำชับให้ทางเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียนใน 3 จังหวัด ให้กำชับครูระมัดระวังตัวอย่างประมาท และจะต้องใช้การสังเกตเป็นหลักในการเดินทางไปกลับ ตนจะเสนอต่อ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าอีกครั้ง ถึงรายละเอียดการประชุมครั้งนี้
จะเร่งจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือครูชายแดนใต้ เพราะเป็นความหวังของครูที่ต้องการความช่วยเหลือที่ได้รับผลกระทบ ผู้ที่พิการ หรือครูที่จะทำงานต่อไปในการดำรงชีพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเงินช่วยพิเศษที่จะฝากรัฐบาลช่วยขับเคลื่อนให้เร็วที่สุดภายใน 1 ตุลาคมนี้ เพื่อจะเป็นขวัญกำลังใจต่อครู สมาพันธ์ครูไม่นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการก่อเหตุเป็นรูปแบบที่มีเป้าหมาย ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ครูก็ได้รับผลกระทบต่อการก่อเหตุเช่นกัน
วันนี้ (11 ก.ย.) ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปัตตานี เขต 1 นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมประธานสมาพันธ์ครู จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ได้ร่วมประชุมผู้อำนวยการโรงเรียน และบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อทบทวนถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยครู หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุดดูแลความปลอดภัยครูเสียชีวิต 2 นาย เหตุเกิดภายในบริเวณโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง 2 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยที่ประชุมได้มีการหารือถึงข้อห่วงใยที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีการปรับยุทธวิธีในการลอบก่อเหตุต่อเจ้าหน้าที่ชุดดูแลความปลอดภัยครูที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น ทั้งขณะเดินทางและในช่วงที่อยู่โรงเรียน จนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนอาจจะได้รับอันตรายจากลูกหลง ซึ่งในขั้นต้นที่ประชุมได้กำชับให้สมาพันธ์ครูแต่ละจังหวัด ประสานต่อผู้อำนวยการของแต่ละโรงเรียน ให้มีการเน้นย้ำเพื่อนครู และนักเรียนเพิ่มความระมัดระวังตนเองมากขึ้น ทั้งในขณะเดินทาง และอยู่ในโรงเรียน จนกว่าจะมีการหารือถึงมาตรการ และการป้องกันกับหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะ กอ.รมน.ภาค.4 สน.อีกครั้ง
นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า จากการสังเกตของทางสมาพันธ์พบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุพุ่งเป้าไปยังเจ้าหน้าที่เป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเกี่ยวข้องกับการดูแลความปลอดภัยครูที่ยังกระทบต่อโรงเรียน อย่างเช่นล่าสุด เหตุระเบิดที่ จ.ยะลา เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทางสมาพันธ์ครูจะได้กำชับให้ทางเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียนใน 3 จังหวัด ให้กำชับครูระมัดระวังตัวอย่างประมาท และจะต้องใช้การสังเกตเป็นหลักในการเดินทางไปกลับ ตนจะเสนอต่อ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าอีกครั้ง ถึงรายละเอียดการประชุมครั้งนี้
จะเร่งจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือครูชายแดนใต้ เพราะเป็นความหวังของครูที่ต้องการความช่วยเหลือที่ได้รับผลกระทบ ผู้ที่พิการ หรือครูที่จะทำงานต่อไปในการดำรงชีพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเงินช่วยพิเศษที่จะฝากรัฐบาลช่วยขับเคลื่อนให้เร็วที่สุดภายใน 1 ตุลาคมนี้ เพื่อจะเป็นขวัญกำลังใจต่อครู สมาพันธ์ครูไม่นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการก่อเหตุเป็นรูปแบบที่มีเป้าหมาย ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ครูก็ได้รับผลกระทบต่อการก่อเหตุเช่นกัน
