ระนอง- เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง สำรวจพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า และรับฟังปัญหา อุปสรรคในพื้นที่ รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกัน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (11 ก.ย.) ที่ห้องประชุมพลับพลึงธาร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดระนอง นายพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง ได้เดินทางมาประชุมหารือเกี่ยวกับศักยภาพ และสำรวจพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ด้านจังหวัดระนอง โดยมี ว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ จำปาเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง หอการค้าจังหวัดระนอง สภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง ผู้ประกอบการในจังหวัดระนองเข้าร่วมประชุม
นายพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อสำรวจสภาพภูมิศาสตร์ สภาพปัญหา อุปสรรคในพื้นที่จังหวัดระนองพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า บริเวณจุดผ่านแดนถาวรระนอง-เกาะสอง จุดที่ 1 ท่าเรือสะพานปลา บริเวณเกาะสะระณีย์ และจุดผ่านแดนถาวรระนอง-เกาะสอง จุดที่ 2 ท่าเรืออันดามันคลับ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง พร้อมรับฟังข้อมูล ปัญหา ความต้องการของคนในพื้นที่จังหวัดระนอง นำไปเสนอต่อสถานทูตเพื่อให้การดำเนินงานตอบสนองต่อความต้องการของพื้นที่ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และอยากให้จังหวัดระนอง เร่งดำเนินการ และเตรียมความพร้อมในการส่งเสริมธุรกิจการค้าการลงทุนให้สำเร็จก่อนกำหนด 3 ปี ตามที่ได้วางแผนไว้ เพื่อประโยชน์ในด้านการค้าการลงทุน เศรษฐกิจ
ปัจจุบัน พม่ามีการเปลี่ยนแปลงในด้านที่ดีเกิดขึ้น ทั้งด้านการเมือง การปรองดองสมานฉันท์ การพัฒนาความเป็นประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ การพัฒนาการค้าการลงทุนในพื้นที่ชายแดน การพัฒนาในเรื่องการค้าเศรษฐกิจ การเคลื่อนไหวของภาคประชาสังคม และมีการเพิ่มขึ้นของสื่อในประเทศ พร้อมทั้งการพัฒนาความสัมพันธ์ในระดับประเทศ ซึ่งมีการเคลื่อนไหวที่เร็วมาก ทั้งในโซนทวีปอเมริกา ทวีปเอเชีย และประเทศในอาเซียน ซึ่งต้องสร้างการรับรู้ และทัศนคติใหม่ของประชาชน และนักลงทุนไทยเกี่ยวกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าให้ถูกต้อง เพราะในขณะนี้มีความเปลี่ยนแปลงใหม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นักลงทุนต้องมีการตื่นตัวในการหาช่องทางการค้าการลงทุนในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าภายใน 2 ปีนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับอาเซียน
จากการลงพื้นที่สำรวจด่านทั้ง 2 ด่าน คือ จุดผ่านแดนถาวรระนอง-เกาะสอง ที่ท่าเรือสะพานปลา และและบริเวณจุดผ่านแดนถาวรระนอง-เกาะสอง จุดที่ 2 ท่าเรืออันดามันคลับ เห็นว่ามีศักยภาพในการดำเนินการสนองความร่วมมือกันระหว่าง 2 ประเทศ ทางจังหวัดต้องมองให้ได้ทั้ง 2 ด้าน คือ ประโยชน์ที่จะได้รับทั้งด้านเศรษฐกิจ การติดต่อ การค้า และอีกด้านหนึ่งก็คือ ปัญหาการหลั่งไหล่ของประชาชน ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งต้องให้ความสำคัญ และการเตรียมพร้อมที่ดีในการป้องกันปัญหาดังกล่าวที่จะสร้างความเชื่อมั่นในภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย
