กาญจนบุรี - เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง ลงพื้นที่ดูความพร้อม และรับฟังปัญหาก่อนเปิดด่านถาวร “บ้านพุน้ำร้อน” ชายแดนไทย-พม่า ที่กาญจนบุรี
เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมแควน้อยชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี นายพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง ได้เดินทางมาประชุมหารือเกี่ยวกับศักยภาพ และการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า บริเวณบ้านพุน้ำร้อน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยมี นายกาศพล แก้วประพาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง หอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี สภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ประกอบการในจังหวัดกาญจนบุรี เข้าร่วมประชุม
นายพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อดูความพร้อมกรณีเปิดด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน และบริเวณด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี และต้องการรับฟังข้อมูล ปัญหา ความต้องการของคนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อนำไปเสนอต่อสถานทูต เพื่อให้การดำเนินงานตอบสนองต่อความต้องการของพื้นที่ และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และอยากให้จังหวัดกาญจนบุรี เร่งดำเนินการ และเตรียมความพร้อมในการส่งเสริมธุรกิจการค้าการลงทุนให้สำเร็จก่อนกำหนด 3 ปี ตามที่ได้วางแผนไว้ เพื่อประโยชน์ในด้านการค้าการลงทุน เศรษฐกิจ
อีกทั้งปัจจุบัน สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า มีการเปลี่ยนแปลงในด้านที่ดีเกิดขึ้น ทั้งด้านการเมือง การปรองดองสมานฉันท์ การพัฒนาความเป็นประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ การพัฒนาการค้าการลงทุนในพื้นที่ชายแดน การพัฒนาในเรื่องการค้าเศรษฐกิจ การเคลื่อนไหวของภาคประชาสังคม และมีการเพิ่มขึ้นของสื่อในประเทศ
พร้อมทั้งการพัฒนาความสัมพันธ์ในระดับประเทศ ซึ่งมีการเคลื่อนไหวที่เร็วมาก ทั้งในโซนทวีปอเมริกา ทวีปเอเชีย และประเทศในอาเซียน ซึ่งต้องสร้างการรับรู้ และทัศนคติใหม่ของประชาชน และนักลงทุนไทยเกี่ยวกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ให้ถูกต้อง เพราะในขณะนี้มีความเปลี่ยนแปลงใหม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และนักลงทุนต้องมีการตื่นตัวในการหาช่องทางการค้าการลงทุนในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ภายใน 2 ปีนี้
“จากการลงพื้นที่สำรวจด่านทั้ง 2 ด่าน คือ ด่านบ้านพุน้ำร้อน และด่านบ้านพระเจดีย์สามองค์ เห็นว่ามีศักยภาพในการดำเนินการสนองความร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ หากด่านทั้ง 2 สามารถเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรแล้ว ทางจังหวัดต้องมองให้ได้ทั้ง 2 ด้าน คือ ประโยชน์ที่จะได้รับทั้งด้านเศรษฐกิจ การติดต่อ การค้า และอีกด้านหนึ่งก็คือ ปัญหาการหลั่งไหลของประชาชน ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งต้องให้ความสำคัญ และการเตรียมพร้อมที่ดีในการป้องกันปัญหาดังกล่าว ที่จะสร้างความเชื่อมั่นในภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย” เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้งกล่าว
เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมแควน้อยชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี นายพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง ได้เดินทางมาประชุมหารือเกี่ยวกับศักยภาพ และการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า บริเวณบ้านพุน้ำร้อน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยมี นายกาศพล แก้วประพาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง หอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี สภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ประกอบการในจังหวัดกาญจนบุรี เข้าร่วมประชุม
นายพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อดูความพร้อมกรณีเปิดด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน และบริเวณด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี และต้องการรับฟังข้อมูล ปัญหา ความต้องการของคนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อนำไปเสนอต่อสถานทูต เพื่อให้การดำเนินงานตอบสนองต่อความต้องการของพื้นที่ และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และอยากให้จังหวัดกาญจนบุรี เร่งดำเนินการ และเตรียมความพร้อมในการส่งเสริมธุรกิจการค้าการลงทุนให้สำเร็จก่อนกำหนด 3 ปี ตามที่ได้วางแผนไว้ เพื่อประโยชน์ในด้านการค้าการลงทุน เศรษฐกิจ
อีกทั้งปัจจุบัน สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า มีการเปลี่ยนแปลงในด้านที่ดีเกิดขึ้น ทั้งด้านการเมือง การปรองดองสมานฉันท์ การพัฒนาความเป็นประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ การพัฒนาการค้าการลงทุนในพื้นที่ชายแดน การพัฒนาในเรื่องการค้าเศรษฐกิจ การเคลื่อนไหวของภาคประชาสังคม และมีการเพิ่มขึ้นของสื่อในประเทศ
พร้อมทั้งการพัฒนาความสัมพันธ์ในระดับประเทศ ซึ่งมีการเคลื่อนไหวที่เร็วมาก ทั้งในโซนทวีปอเมริกา ทวีปเอเชีย และประเทศในอาเซียน ซึ่งต้องสร้างการรับรู้ และทัศนคติใหม่ของประชาชน และนักลงทุนไทยเกี่ยวกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ให้ถูกต้อง เพราะในขณะนี้มีความเปลี่ยนแปลงใหม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และนักลงทุนต้องมีการตื่นตัวในการหาช่องทางการค้าการลงทุนในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ภายใน 2 ปีนี้
“จากการลงพื้นที่สำรวจด่านทั้ง 2 ด่าน คือ ด่านบ้านพุน้ำร้อน และด่านบ้านพระเจดีย์สามองค์ เห็นว่ามีศักยภาพในการดำเนินการสนองความร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ หากด่านทั้ง 2 สามารถเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรแล้ว ทางจังหวัดต้องมองให้ได้ทั้ง 2 ด้าน คือ ประโยชน์ที่จะได้รับทั้งด้านเศรษฐกิจ การติดต่อ การค้า และอีกด้านหนึ่งก็คือ ปัญหาการหลั่งไหลของประชาชน ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งต้องให้ความสำคัญ และการเตรียมพร้อมที่ดีในการป้องกันปัญหาดังกล่าว ที่จะสร้างความเชื่อมั่นในภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย” เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้งกล่าว
