กาญจนบุรี - ชื่นมื่น และคึกคัก งานประกวดธิดาชายแดน “มิส มิตรภาพกาญจนบุรี-ทวาย” ตามโครงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ และความเข้าใจอันดีในพื้นที่ระหว่างไทย-พม่า ที่บริเวณด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน เมืองกาญจน์ ผลสาวท้องถิ่นไทยวัย 18 ปี คว้ามงกุฎพร้อมสายสะพาย ขณะที่สาวพม่า คว้ารองอันดับ 1 พร้อมเงินรางวัล 4 พันบาทไปครอง ก่อนเปิดใจ “รับตื่นเต้นสุดๆ ที่ได้มาหาประสบการณ์ใหม่เมืองไทย”
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (17 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดเวทีการประกวดธิดาชายแดนขึ้นเป็นครั้งแรก ในพื้นที่ด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ของคืนวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตามโครงการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีในพื้นที่ระหว่างไทย-สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า สำหรับไฮไลต์ของการจัดงานอยู่ที่เวทีการประกวดธิดาชายแดน โดยมีตัวแทนสาวงามจากสหภาพพม่าเข้าร่วมประกวดทั้งหมด 10 สาวงาม ส่วนสาวงามชาวไทยที่เข้าประกวดทั้งหมด 17 สาวงาม รวม 27 คน
โดยสาวงามทุกคนไม่เคยมีประสบการณ์ขึ้นเวที หรือเข้าประกวดสาวงามตามเวทีต่างๆ ที่ใดมาก่อน โดยมีนายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เป็นประธารการจัดงาน มี พ.อ.วาสิฏฐ์ มณีโชติ ผบ.ร.29 กกล.สุรสีห์ ร.อ.สมศักดิ์ วรแสน ผบ.ร้อย ทพ.1407 พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี นายประสาน สงวนพันธ์ นายก อบต.บ้านเก่า และนายอภิรัฐ สงบจิตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เป็นสักขีพยานการประกวดฝ่ายไทย ส่วนผู้ทรงเกียรติฝ่ายพม่ามี พ.ท.อ่อง จอ วิน ผบ.พัน ร.104 กองพันทหารราบที่ 104 นายซอติ ฮาโซ หัวหน้าด่านศุลกากร นายมู ซอตู รอง ผอ.กรมการค้าชายแดน กระทรวงพาณิชย์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านทิคิ เป็นสักขีพยาน ครั้งนี้มีประชาชนจากทั้ง 2 ประเทศกว่า 1,000 คนเข้าร่วมงาน สำหรับงานดังกล่าวจัดขึ้นที่บริเวณสนามฟุตบอลโรงเรียนบ้านพุน้ำร้อน
สำหรับกิจกรรมก่อนขึ้นเวทีการประกวด คณะกรรมการได้จัดให้บรรดาเหล่าสาวงามทั้ง 27 คน เข้ากราบนมัสการพระครูประทีปกาญจนธรรม หรือหลวงพ่อเต้ เจ้าอาวาสวัดบ้านพุน้ำร้อน รัตนคีรี จากนั้นเดินทางไปยังสำนักงานออกหนังสือผ่านแดนของประเทศไทยที่ตั้งอยู่ที่บริเวณริมถนนหน้าวัดบ้านพุน้ำร้อน รัตนคีรี พร้อมกับมอบหนังสือเดินทางผ่านแดนชั่วคราวให้แก่บรรดาสาวงามชาวไทยทั้ง 17 คน ต่อด้วยการเดินทางไปยังสำนักงานออกหนังสือผ่านแดนของประเทศสารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ที่ตั้งอยู่ที่บ้านทิคิ โดยเจ้าหน้าที่ได้มอบหนังสือผ่านแดนชั่วคราวให้แก่สาวงามชาวพม่าที่เข้าประกวดธิดาชายแดนทั้ง 10 คน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย และฝ่ายพม่าต่างแสดงความยินดีที่ทั้ง 2 ประเทศได้ร่วมกันเปิดด่านถาวร จากนั้นได้มอบของที่ระลึกให้แก่กันและกัน จากนั้นจึงเดินทางกลับมายังประเทศไทย เพื่อเริ่มฝึกซ้อม โดยมีทีมงานมืออาชีพระดับประเทศเป็นผู้ฝึกสอนในครั้งนี้
การประกวดธิดาชายแดน รอบแรกเป็นการประกวดหาผู้ชนะเลิศตำแหน่งขวัญใจมหาชน โดยเริ่มในเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผลคะแนนการประกวดคิดจากจำนวนของพวงมาลัยที่ผู้เข้าร่วมงาน และบรรดาญาติๆ ซื้อมอบให้มากที่สุด จากนั้นคัดเลือกสาวงามจากทั้งหมด 27 คน ให้เหลือเพียง 5 คน เพื่อตัดสินหาผู้ชนะเลิศอันดับที่ 1 รองชนะเลิศอันดับที่ 1 รองชนะเลิศอันดับที่ 2 และรองชนะเลิศอันดับ 3
โดยหลังจากที่พิธีกรบนเวทีประกาศรายชื่อสาวงามที่ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศอันที่ 3 และอันดับที่ 2 ไปแล้ว ซึ่งผลปรากฏว่า เหลือสาวงามผู้เข้าประกวดอีก 2 คน ที่จะต้องลุ้นตำแหน่งผู้ชนะเลิศอันดับที่ 1 รองชนะเลิศอันดับที่ 1 คือ สาวงามจากจังหวัดทวาย สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เป็นผู้ส่งเข้าประกวด โดยก่อนที่พิธีการบนเวทีจะประกาศรายชื่อผู้ชนะเลิศ ปรากฏว่า กองเชียร์ทั้งชาวไทย และกองเชียร์ชาวพม่าต่างเดินเข้ามาที่หน้าเวทีพร้อมส่งเสียงเชียร์เสียงดังกึกก้อง สร้างความสนุกสนาน และตื่นเต้นให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก
โดยผลการตัดสิน ปรากฏว่า รางวัลชนะเลิศการประกวดธิดาชายแดนครั้งที่ 1 ผู้ที่ได้ตำแหน่งไปครอง พร้อมมงกุฏ และสายสะพาย “มิส มิตรภาพกาญจนบุรี-ทวาย” พร้อมเงินรางวัล 5 พันบาท คือ น.ส.เปริการ์ เครือเมฆ อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6/2 จากโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี (บ้านเก่า) ประเทศไทยเป็นผู้ส่งเข้าประกวด
ส่วนนางสาว นอระศิวะ อายุุ 24 ปี หมายเลข 2 สาวงามชาวเมียนมาร์ ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 พร้อมสายสะพาย “มิส มิตภาพกาญจนบุรี-ทวาย”และเงินรางวัล 4 พันบาทไปครอง การประกวดเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันเดียวกัน
นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ประธานจัดงานกล่าวภายหลังว่า ตามนโยบายของรัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทย ที่ได้มีการประกาศเปิดด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อนเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ อำเภอเมืองกาญจนบุรีมองว่า การเปิดด่านถาวรจะต้องควบคู่กันไประหว่างการเสริมสร้างความสันพันธ์ที่ดีแก่กันของข้าราชการ และประชาชนในพื้นที่ของทั้ง 2 ประเทศ
ดังนั้น จึงได้ริเริ่มจัดทำโครงการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างพื้นที่ ไทย-พม่า ขึ้น และผลการตอบรับได้มากกว่าที่เราคาดหวังไว้เป็นอย่างมาก โดยข้าราชการ และประชาชนของทั้ง 2 ประเทศต่างมีความดีใจที่ทั้ง 2 ประเทศจะได้ร่วมกันพัฒนาด้านการค้า เศรษฐกิจร่วมกัน และไปมาหาสู่กันอย่างเมืองพี่เมืองน้อง ทั้งนี้ การจัดโครงการดังกล่าวตนหวังว่าจะได้รับการสานต่อไปอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งจะเป็นประเพณีสืบไปจนถึงลูกหลานในอนาคต” นายศรัทธา กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ตลอดทั้งวันที่จัดกิจกรรมมีฝนตกโปรยปรายมาอย่างต่อเนื่องทั้งวัน ทำให้บริเวณการจัดงานภายในสนามกีฬาฟุตบอลเปียกแฉะไปด้วยน้ำฝน โดยกิจกรรมในช่วงเช้ามีการจัดแข่งขันกีฬาฟุตบอล กีฬาตะกร้อ และกีฬาชักเย่อ ทั้งทีมหญิงและทีมชาย โดยมีกองเชียร์จากทั้ง 2 ประเทศเข้ามาเชียร์กันอย่างสนุกสนานท่ามกลายสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักกีฬาทั้ง 2 ประเทศเปียกแฉะ และเปื้อนโคลนไปตามๆ กัน
ในส่วนของสาวงามผู้เข้าประกวดธิดาชายแดนก็เช่นกัน เนื่องจากทีมงานจัดการประกวดได้ให้สาวงามทุกคนเปลี่ยนจากรองเท้าแตะ หรือรองเท้าผ้าใบที่ตนเองใส่ถนัด มาสวมรองเท้าที่มีส้นสูงประมาณ 6 นิ้วแทน ทำให้สาวงามที่เข้าประกวดทั้ง 27 คน เดินด้วยความยากลำบาก ขณะสวมและเดินสาวงามต่างมีอิริยาบถการเดินที่ต่างกัน สาวงามบางคนถึงกับต้องถอดแล้วมาสวมรองเท้าแตะแทนเนื่องจากถูกรองเท้าส้นสูงกัดเท้า
และขณะที่คณะกรรมการพาสาวงามทั้งหมดไปกราบนมัสการพระครูประทีปกาญจนธรรม หรือหลวงพ่อเต้ เจ้าอาวาสวัดบ้านพุน้ำร้อน รัตนคีรี ที่กุฏิ เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันยืนเรียงแถวเพื่อให้ผู้เข้าประกวดจับแขนเอาไว้เพื่อไม่ให้ลื่นล้ม เนื่องจากทางเดินเข้ากุฏิเป็นทางลาดชัน ประกอบกับพื้นดินเปียกแฉะ
ส่วนบนเวทีประกวด ทีมงานได้นำล่ามคนไทยที่สามารถพูดภาษาพม่าได้มาคอยสื่อสารทั้งภาษาไทย และภาษาพม่าให้ประธานในพิธี และผู้กล่าวรายงาน รวมทั้งผู้เข้าร่วมงานทั้งชาวไทย และชาวพม่าให้เข้าใจ โดยสร้างสีสันให้แก่การประกวดเป็นอย่างมากเช่นกัน
จากการสอบถามผู้เข้าประกวดทั้งหมดต่างกล่าวเหมือนกันว่า ตื่นเต้นสุดๆ เพราะทุกคนต่างก็ไม่เคยขึ้นเวทีการประกวดที่ใดมาก่อน อีกทั้งรองเท้าส้นสูงที่สวมใส่ก็ไม่เคยสวมมาก่อน โดยเฉพาะสาวงามตัวแทนจากพม่า ต่างดีใจที่ได้เข้ามาในเมืองไทย โดยเฉพาะสาวงามที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ซึ่งพูดไทยไม่ได้ แต่มีความสามารถพูดได้ถึง 3 ภาษา คือ พม่า กะเหรี่ยง และภาษาอังกฤษ โดยให้สัมภาษณ์ผ่านล่ามว่า
“ตื่นเต้น และภูมิใจที่สามารถคว้ารางวัลรองอันดับ 1 มาได้ ซึ่งเป็นความภูมิใจแก่ตน และครอบครัวรวมทั้งประเทศด้วย หากมีโอกาส หรือมีการจัดประกวดนางงามในประเทศไทยอีกจะเดินทางมาร่วมประกวดอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน”