กาญจนบุรี - จังหวัดกาญจนบุรี ระดมสมองถกแก้ปัญหาความเดือดร้อนของ ปชช.สองฝั่งแม่น้ำแคว หลังชาวบ้านร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน เหตุแพล่องเปิดเพลงเสียงดัง
วันนี้ (31 พ.ค.) ที่บริเวณริมน้ำท่าจอดแพสมพงษ์ หมู่ 1 ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี นายกาศพล แก้วประพาฬ รอง ผวจ.กาญจนบุรี เป็นประธานประชุมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณสองฟากฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ และแม่น้ำแควน้อย เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่า แพเธคที่ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในช่วงเวลากลางคืนเปิดเพลงเสียงดังทำให้ไม่สามารถนอนหลับพักผ่อนได้
โดยมีนายศรัทธา คชพลายุกต์ นอภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี นายปราโมทย์ อุ่นจิตสกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากแพรก นายลิขิต เขาถ้ำทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองหญ้า น.ส.อัญจรีย์ กระจ่างฉาย นายกสมาคมชาวเรือชาวแพจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ประกอบการแพล่อง แพอาหาร และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
นายกาศพล แก้วประพาฬ รอง ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ตามที่มีประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณริมแม่น้ำจำนวนหลายราย ได้ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังจังหวัดกาญจนบุรี และผู้ตรวจการแผ่นดินว่า ประสบปัญหาความเดือดร้อนรำคาญอันเกิดจากการใช้เครื่องขยายเสียงบนแพที่ให้บริการนักท่องเที่ยวล่องแม่น้ำ เปิดเสียงดังเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด บางส่วนทิ้งขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูลลงในแม่น้ำ
ดังนั้น จังหวัดกาญจนบุรี จึงได้ร่วมกับผู้ประกอบการสมาคมชาวเรือชาวแพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นเส้นทางของการล่องแพ และจากการสำรวจพบว่า ยังมีผู้ประกอบการบางรายมีพฤติการณ์ตามข้อร้องเรียนจริง ซึ่งมลพิษทางเสียง ขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูล ได้ส่งผลกระทบถึงภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวตามธรรมชาติตามริมแม่น้ำที่งดงาม ประชาชนสองฝั่งแม่น้ำ ซึ่งในอดีตเคยมีวิถีชีวิตที่สงบเย็น กลับต้องได้รับความทุกข์จากเสียงดัง และสิ่งปฏิกูลในแม่น้ำ
นอกจากนั้น ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และทำลายความงดงามทางธรรมชาติของจังหวัดกาญจนบุรี อันเป็นแผ่นดินของพวกเราที่อยู่อาศัย ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องผนึกกำลังกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเพื่อให้ปัญหาดังกล่าวบรรเทาเบาบาง และหมดสิ้นไปอย่างยั่งยืน
ด้านนายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ด้วยอำเภอเมืองกาญจนบุรี ได้จัดทำโครงการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี ในวันที่1 กรกฎาคม 2556นี้ และเพื่อเตรียมความพร้อมการเป็นประตูการค้า (Gate Way Trade) สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ให้เกิดความเห็นพ้องต้องกันในการพัฒนาอำเภอเมืองกาญจนบุรีไปในทิศทางเดียวกัน เกิดการขับเคลื่อนไปพร้อมกัน โดยเฉพาะการจัดระเบียบสังคมซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ในการลดอบายมุข สร้างสุขให้แก่สังคม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสำคัญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของอำเภอเมืองกาญจนบุรี คือ แพล่องแม่น้ำที่เปิดเพลงส่งเสียงดัง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ริมแม่น้ำแควน้อย แควใหญ่ รวมทั้งแม่น้ำแม่กลอง ดั้งนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และการยอมรับจากทุกฝ่าย ในการขับเคลื่อนอำเภอเมืองกาญจนบุรีไปพร้อมกันของทุกภาคส่วน จึงได้ร่วมกันจัดประชุมเสวนาเพื่อระดมสมองของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งผู้ประกอบการแพล่อง ซึ่งเป็นการหาแนวทางจัดระเบียบแพร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมการเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อนและการเป็นประตูการค้า (Gate Way Trade) สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และเป็นแนวทางไปสู่การรองรับการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในระดับนานาชาติในอนาคตอันใกล้นี้ต่อไป
ส่วน น.ส.อัญจรีย์ กระจ่างฉาย นายกสมาคมชาวเรือชาวแพจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ประกอบการแพล่อง กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าปัจจุบันแพล่องในพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรีมีเป็นจำนวนมาก รวมแล้วมากกว่าหนึ่งพันหลัง แต่แพที่ใช้ล่องไปตามแม่น้ำมีอยู่ประมาณ 400 กว่าหลัง หลายปีที่ผ่านมา พวกเราผู้ประกอบการชาวเรือชาวแพอำเภอเมืองกาญจนบุรี ได้พยายามที่จะปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่อย่างเคร่งครัด ทั้งเรื่องความปลอดภัยของผู้ที่มาใช้บริการ การบริหารจัดการขยะมูลฝอย หรือสิ่งปฏิกูล การควบคุมการใช้เครื่องขยายเสียงในแพไม่ให้เกิน 85 เดซิเบล ตามที่กฎหมายกำหนด
การควบคุมพนักงานไม่ให้เปิดเครื่องเสียงระหว่างเวลาเที่ยงคืนถึงหกโมงเช้า หรือควบคุมไม่ให้พนักงานควบคุมเครื่องเสียงใช้เครื่องเสียงในเขตห้ามใช้ตั้งแต่บริเวณท่าน้ำวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) ขึ้นมาจนถึงสะพานสมเด็จพระพระสังฆราชฯ
นอกจากนี้ ยังให้พนักงานผู้ควบคุมเครื่องเสียงประชาสัมพันให้ผู้ที่มาใช้บริการเช่าแพล่อง ให้ปฏิบัติตามกฎที่มีอยู่ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ามีผู้ประกอบการบางรายเท่านั้นที่ไม่ปฏิบัติตามกฎที่กำหนดเอาไว้ อีกทั้งยังไม่ให้ความร่วมมือกับสมาคมฯ ปัญหาตรงจุดนี้สมาคมฯ ได้พยายามขอความร่วมมือไปแล้วแต่ไม่ได้ผล จังหวัดกาญจนบุรี จะต้องเข้าไปบริหารจัดการ หรือทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการเหล่านี้อย่างเร่งด่วน