ตรัง - พบซากโลมาอิรวดี หนักเกือบ 200 กิโลกรัม สายพันธุ์หายากที่ใกล้จะสูญพันธุ์ของไทย โดยหางขาดเพราะถูกใบพัดเรือ นับเป็นตัวที่ 11 แล้วที่ตายกลางทะเลตรัง ในรอบ 8 เดือนของปีนี้
เมื่อช่วงเย็นวันนี้ (4 ก.ย.) นายตะวัน ทุ่นอ้น ประธานกลุ่มอนุรักษ์โลมาบ้านตะเสะ ตำบลตะเสะ อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง พร้อมด้วยสมาชิก ได้ร่วมกับนำซากโลมาอิรวดี น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม และยาวประมาณ 1.80 เมตร ซึ่งคาดว่าตายมาแล้วประมาณ 3 วัน เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หาดสำราญ ก่อนที่จะนำซากมายังมูลนิธิอันดามัน อำเภอเมืองตรัง เพื่อพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แท้จริง
นายตะวัน ทุ่นอ้น ประธานกลุ่มอนุรักษ์โลมาบ้านตะเสะ กล่าวว่า โลมาอิรวดี นับโลมาพันธุ์หายากที่สุดของประเทศไทย และใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว โดยเฉพาะตัวล่าสุดที่ตายลงนี้ ทางกลุ่มเคยพบเห็นมาก่อน ซึ่งจากการตรวจสอบซากพบว่า มีอวัยวะส่วนหางขาด คาดว่าคงจะเกิดจากใบพัดของเรือ ส่วนที่บริเวณท้องมีบาดแผลฉีดขาดออกมาจนไส้ทะลัก ประกอบกับโลมาคงมีอายุมาก และสภาพร่างกายอ่อนแอจึงตายลงไปดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในพื้นที่ตำบลตะเสะ อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง นับเป็นแหล่งที่มีโลมาสายพันธุ์ต่างๆ อาศัยอยู่จำนวนมากที่สุด รวมประมาณ 200 ตัว ซึ่งชาวบ้าน และชาวประมงพื้นบ้านได้ร่วมกันอนุรักษ์ และจัดให้มีการส่งเสริมเป็นการท่องเที่ยวด้วยการล่องเรือชมโลมา แต่บางครั้งความคุ้นเคยกับผู้คนมากจนเกินไปก็จะเป็นอันตรายต่อโลมาได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะโลมาหัวขวด ที่พบว่าได้ตายลงไปจำนวนมากที่สุด ทั้งนี้ นับเป็นโลมาตัวที่ตายลงเป็นตัวที่ 11 ในท้องทะเลตรัง ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปี 2556