ตราด - โลมาอิรวดีตายอีก 2 ตัว สภาพเน่าเปื่อย พบอาหารเต็มท้อง ประธานเครือข่ายช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก ย้ำโลมาอิรวดีทะเลตราดวิกฤตแล้ว
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่ชายหาดบ้านคลองขุด หมู่ 3 ต.ไม้รุด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด นายจรัล เอมโอชา อายุ 40 ปี ชาวประมงพื้นบ้าน แจ้งนายกฤตภาส ศรีแสงขจร ประธานเครือข่ายช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายา ต.ไม้รูด ว่า พบโลมาตายอยู่บริเวณคลองขุด หมู่ 3 รวม 2 ตัว ตัวหนึ่งลอยอยู่ในทะเล ห่างจากฝั่งประมาณ 1 กิโลเมตร อีกตัวอยู่ชายฝั่ง หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก พบโลมาอิรวดีเพศผู้ ความยาว 198 เซนติเมตร สภาพเน่าเปื่อย คาดเสียชีวิตไม่เกิน 7 วัน อีกตัวเป็นเพศผู้ ความยาว 209 เซนติเมตร สภาพไม่ต่างจากตัวแรก
จากนั้นได้ผ่าพิสูจน์ซากโลมาทั้ง 2 ตัว พบว่า มีอาหารเต็มกระเพาะ จึงได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และฝังซากโลมาทั้ง 2 ตัวที่บริเวณชายหาด
นายกฤตภาส กล่าวว่า โลมาอิรวดีที่ตายทั้งสองตัวล่าสุด เป็นตัวที่ 10 และ 11 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมา เพราะเป็นโลมาอิรวดีฝูงสุดท้ายของอ่าวตราดแล้ว หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป คาดว่าเพียงปีเดียวโลมาอิรวดีจะหมดไปจากอ่าวตราด หรือไปหากินในทะเลที่ปลอดภัยมากกว่านี้ ซึ่งต้องพูดกันตรงๆว่า เครื่องมือประมงพื้นบ้านที่มีอยู่เต็มพื้นที่ 1,000-2,000 เมตร จากฝั่งเป็นตัวการสำคัญ เรือประมงอวนลากคู่ก็เช่นกัน
“จะแก้ไขและป้องกันไม่ให้โลมาอิรวดีตายลงอีกให้ได้ ผมไม่ต้องการนับศพโลมาอยู่ทุกวัน แต่ต้องการเห็นทุกฝ่ายร่วมกันแก้ไข และหาทางป้องกัน ส่วนราชการไม่ควรเกี่ยงกัน หรือโยนความรับผิดชอบ ต้องหันมาช่วยกันแล้ว”
นายกฤตภาส กล่าวว่า ดีใจที่ขณะนี้มีนักวิชาการด้านการอนุรักษ์โลมา จากมหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เดินทางมาสำรวจ และวิจัยวงจรชีวิตของโลมาในอ่าวตราด ซึ่งจะศึกษาอัตราการเกิด อัตราการตาย สาเหตุการตาย และการอยู่รอดของโลมาอิรวดี อยู่ร่วมกับประมงพื้นบ้านได้หรือไม่ ทั้งที่งานนี้ควรเป็นเรื่องของเรามากกว่า ไม่ใช่ให้ต่างชาติต่างภาษามาทำวิจัย หรือใส่ใจกับความสูญเสีย ต้องถามว่าแล้วส่วนราชการของตราดทำอะไรอยู่