นราธิวาส - เจ้าหน้าที่ 4 ฝ่ายใน อ.ระแงะ ออกแผนพิทักษ์บ้านเกิด 56 ดึงผู้นำศาสนา และผู้นำท้องถิ่นร่วมเกลี้ยกล่อมผู้หลงผิดวางอาวุธ หลังพบแผนผู้ก่อความไม่สงบเตรียมป่วนวันก่อตั้งกลุ่มเบอร์ซาตู พบถังแก๊สหุงต้มของร้านอาหารตามสั่งในหลายพื้นที่หายไป และมีการกว้านซื้อขนมปังในพื้นที่ อ.รือเสาะ จำนวนมาก คาดนำไปเป็นเสบียงเตรียมก่อเหตุ
เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (31 ส.ค.) นายสมหวัง เรืองเพ็ง นายอำเภอระแงะ จ.นราธิวาส พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 และ พ.ต.อ.จิระเดช พระสว่าง ผกก.สภ.ระแงะ ได้ร่วมกันตระเวนตรวจเยี่ยมจุดตรวจของกองกำลัง 4 ฝ่าย อันประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านในพื้นที่รับผิดชอบ ตามแผนพิทักษ์บ้านเกิด 56 ด้วยการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กองกำลังทั้ง 4 ฝ่าย
รวมถึงการหาอุปสรรคในการอุดช่องโหว่ ไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีแฝงตัวเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายขึ้นในคืนคาบเกี่ยวของวันที่ 31 ส.ค. ถึง 1 ก.ย. ที่จะถึงนี้ ซึ่งช่วงครบรอบวันก่อตั้งกลุ่มเบอร์ซาตู หรือ BERSATU ซึ่งตั้งกับวันชาติ หรือวันประกาศเอกราชของประเทศมาเลเซีย ที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีมีแผนที่จะก่อเหตุร้ายขึ้นพร้อมกันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเชิงสัญลักษณ์ หลังจากก่อเหตุร้ายแล้วเสร็จ จะแฝงตัวนำธงชาติของประเทศมาเลเซียมาติดไว้ให้เจ้าหน้าที่ดูต่างหน้าเหมือนกับในครั้งที่ผ่านมา
ซึ่งการตรวจเยี่ยมกองกำลังทั้ง 4 ฝ่ายในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแล้ว ยังเป็นการสร้างความตื่นตัวให้แก่เจ้าหน้าที่มีความพร้อมในการรับมือสถานการณ์อย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะจิตใจ ต้องมีความแน่วแน่มั่นคง เมื่อเกิดเหตุร้ายจะได้มีความตื่นตัวต่อการรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และสามารถที่จะขอสนับสนุนกำลังทั้ง 3 ฝ่ายในพื้นที่ใกล้เคียงเข้าให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างทันท่วงที
ในส่วนของการตรวจเยี่ยมจุดตรวจภาคประชาชน หรือชุด ชรบ.นั้น ได้มีการเน้นย้ำในการสอดส่องดูแลพฤติกรรมของประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนั้นๆ หากพบว่าผิดปกติ ให้มีการจู่โจมไปยังผู้นำศาสนา และผู้นำท้องถิ่นที่ประชาชนในพื้นที่ยอมรับ เพื่อเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจในการป้องปรามบุคคลเหล่านั้นให้กลับมาอยู่ร่วมกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ทางการ ซึ่งถือว่าเป็นการจู่โจมด้านจิตใจ ดีกว่าการจับกุมตัว หลังจากปล่อยให้กลุ่มบุคคลเหล่านั้นก่อเหตุแล้วเสร็จ แล้วค่อยเชิญตัวมาทำความเข้าใจและทำประวัติ เพราะที่ผ่านมา ถือว่าส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติได้ เนื่องจากต้องกังวลอยู่กับคดี หรือหมายจับที่ออกจากเจ้าหน้าที่ทางการ
นายสมหวัง เรืองเพ็ง นายอำเภอระแงะ กล่าวว่า การออกแผนพิทักษ์บ้านเกิด 56 ในครั้งนี้ เป็นการปรับรูปแบบการจู่โจมจิตใจของผู้หลงผิด แทนการใช้อาวุธในการแก้ไขปัญหากับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าเริ่มเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ทางการ แต่ถูกกดดันจากแกนนำของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่เขาไม่มีทางเลือก จะเข้าอยู่ฝ่ายทางการก็กลัวถูกสังหาร แต่ถ้าเขาอยู่กับฝ่ายผู้ไม่หวังดี ก็ต้องเจ้าหน้าที่เพ่งเล็งตกอยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัย เราจึงปรับแผนมาจู่โจมจิตใจ โดยให้ภาคประชาชนที่เป็นที่เคารพในแต่ละพื้นที่หมู่บ้านเป็นตัวแทนเรา พูดคุยให้เขามีจิตสำนึก และไว้วางใจทางการที่จะให้เขาวางอาวุธ และมาร่วมกันพิทักษ์รักษาบ้านเกิด
ด้าน พ.ต.อ.จิระเดช พระสว่าง ผกก.สภ.ระแงะ กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ร่วมออกแผนพิทักษ์บ้านเกิด 56 ในครั้งนี้ ถือว่าเราร่วมกันหันมาถืออาวุธทางปัญญาบุกจู่โจมกลุ่มผู้หลงผิด เพราะพื้นฐานคนส่วนใหญ่เหล่านี้เป็นคนดี แต่สภาพแวดล้อมทำให้เขาหลงเชื่อโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แถมเจ้าหน้าที่ทางการก็ยังไม่สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของประชาชนได้อย่างทั่วถึง ทำให้เกิดช่องว่าง กลุ่มผู้หลงผิดจึงได้อาศัยโอกาสดังกล่าวในการปลุกระดมชวนเชื่อเข้าไปเป็นสมาชิก เมื่อกลุ่มคนเหล่านั้นถูกเป่าหูทุกวันจึงได้ซึมซับความเกลียดชังเจ้าหน้าที่ เข้าไปสู่ขบวนการโดยที่ไม่สามารถที่จะถอนตัวได้
ขณะที่ พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 กล่าว่า การแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เราต้องมีการปรับแผนในการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เมื่อใช้ความรุนแรง ความอ่อนโยน และข้อกฎหมายไม่สำเร็จเท่าที่ควร เราก็ต้องหันมาใช้ภาคประชาชนในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพราะประชาชนในแต่ละพื้นที่หมู่บ้านเป็นผู้ที่รู้ปัญหาความเคลื่อนไหวว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง ดังนั้น การใช้ประชาชนกลุ่มผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาและผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือในหมู่บ้านถืออาวุธทางปัญญาร่วมกับเรา เพื่อดึงและโน้มน้าวกลุ่มผู้หลงผิดวางอาวุธตามแผนพิทักษ์บ้านเกิด 56 คิดว่ามีความเป็นไปได้สูง เพราะการแก้ไขปัญหาเราต้องจู่โจมด้านจิตใจก่อนที่จะให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ซึ่งสำเร็จหรือไม่เราต้องไม่ท้อ มีมาตรการใดใหม่ก็ควรที่จะคิดแล้วนำมาปรับในการใช้งาน เพื่อให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลับคืนสู่สันติสุขอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แจ้งว่า สถานการณ์การก่อเหตุรุนแรงหลังจากสิ้นสุดข้อตกลงลดเหตุรุนแรงในห้วงเดือนรอมฎอน ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. 2556 ถึงปัจจุบัน ในพื้นที่จะมีสถิติการก่อเหตุลดลง แต่ยังคงปรากฏความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ไม่หวังดีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เดินทางไปร่วมประชุมกับแกนนำระดับสูงในพื้นที่ประเทศมาเลเซียหลายครั้ง สาระสำคัญคือ ให้เตรียมก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในห้วงคาบเกี่ยวคืนวันที่ 31 ส.ค. ถึง 1 ก.ย. 2556 ซึ่งตรงกับวันก่อตั้งกลุ่มเบอร์ซาตู และวันชาติของประเทศมาเลเซีย
โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าถังแก๊สหุงต้มของชาวบ้านที่ประกอบอาชีพค้าขายอาหารตามสั่งในหลายพื้นที่หายไป และมีกลุ่มวัยรุ่นได้มีการกว้านซื้อขนมปังในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เป็นจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าน่าจะนำไปสะสมไว้เป็นเสบียงในการเคลื่อนไหว มีทั้งการวางระเบิดคาร์บอมบ์ จักรยานยนต์บอมบ์ และซุ่มโจมตีฐาน ซึ่งสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ต้องสอดส่องดูแลเป็นกรณีพิเศษอยู่ในพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.กรงปินัง ของ จ.ยะลา อ.ยะรัง อ.สายบุรี อ.ทุ่งยางแดง และ อ.เมืองปัตตานี ส่วนพื้นที่ จ.นราธิวาส ต้องเพ่งเล็งพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง อ.ระแงะ อ.รือเสาะ อ.สุไหงปาดี อ.สุไหงโก-ลก อ.ตากใบ และ อ.เมืองนราธิวาส