ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเตรียมขยายห้องกักใน 4 จังหวัด หนองคาย-ประจวบฯ-ระนอง-สงขลา เพื่อกระจายชาวโรฮิงญากว่า 1,722 คนไปกักตัวระหว่างรอการผลักดันกลับประเทศ
พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการแก้ปัญหาชาวโรฮิงญาที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในขณะนี้ ในการประชุมมอบนโยบายเร่งรัดการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และการจัดระเบียบแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งการแก้ปัญหาชาวโรฮิงญา ของนายประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธร ผู้กำกับการสถานที่ตำรวจทุกแห่งทุกสังกัด จัดหางานจังหวัด ผอ.สำนักงานขนส่งทางน้ำ ททท.ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ และภูเก็ต เข้าร่วม ณ โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 24 ส.ค.56 ว่า
ชาวโรฮิงญาที่ถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) กักตัวไว้ในประเทศไทยขณะนี้มีอยู่จำนวน 1,722 คน กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ทาง สตม.มีนโยบายที่จะนำชาวโรฮิงญาดังกล่าวมากักตัวไว้ในจุดเดียวกันทั้งหมด เพื่อสะดวกในการควบคุมดูแล และเพื่อให้การดูแลเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยธรรม เบื้องต้นได้กำหนดพื้นที่ของตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่อำเภอชะอวด จ.นครศรีธรรมราช แต่ถูกชาวบ้านต่อต้านเลยต้องยกเลิกไป
อย่างไรก็ตาม ทาง สตม.ได้หาพื้นที่ใหม่ที่มีความเหมาะสม และเห็นว่าพื้นที่บริเวณด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เป็นพื้นที่ในการดูแลของ ตชด.และ ตม.ก็มีข้อกังวลถ้านำตัวชาวโรฮิงญาทั้งหมดมากักตัวไว้ที่ด่านสิงขรจะทำให้ชาวโรฮิงญาอพยพเข้ามาเพิ่มอีก รวมทั้งการดูแลควบคุมจะลำบากหากมีการก่อจลาจล หรืออะไรก็ตาม จากจำนวนชาวโรฮิงญาที่มีจำนวนมาก จึงได้มีการเสนอให้มีการขยายด่านกักตัวไว้ใน 4 พื้นที่ ประกอบด้วย หนองคาย ประจวบศีรีขันธ์ สงขลา และระนอง โดยทาง สตม.จะต้องขยายห้องกักให้กว้างขึ้นเพื่อให้สามารถรองรับได้อย่างไม่แออัด โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการของบประมาณมาขยายห้องกักทั้ง 4 จุด
ขณะที่ นายประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝากทาง สตม.ให้ดูแลชาวโรฮิงญาที่ถูกกักตัวในประเทศไทยตามหลักมนุษยธรรม ทั้งในเรื่องอาหาร การดูแลสุขภาพ และเรื่องอื่นๆ เพราะการที่คนถูกกักตัวอยู่ในที่แคบๆ เป็นจำนวนมาก นอกจากจะอึดอัดแล้ว ยังจะนำมาซึ่งโรคภัยต่างๆ อีกด้วย ดังนั้น จะต้องมีการจัดแพทย์พยาบาลมาดูแลเรื่องสุขภาพด้วย และเท่าที่ทราบข้อมูลชาวโรฮิงญาที่ถูกกักตัวเสียชีวิตแล้วกว่า 10 ราย จากโรคภัยไข้เจ็บ จึงฝากดูแลในเรื่องนี้ด้วย
